เงินบาทเปิด 31.44 ต่อดอลล์ อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อนหลังดอลล์แข็ง

นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.44 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวันพฤหัสบดีที่ระดับ 31.36 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังมีแรงซื้อจากกรณีมีข่าวการเจรจาเรื่อง Brexit ของอังกฤษกับสหภาพยุโรปยังไม่ลงตัว นอกจากนี้ตลาดยังจับตาดูสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ

“บาทอ่อนค่าจากเย็นวันพฤหัส หลังดอลลาร์แข็งค่า เนื่องจากมีแรงซื้อดอลลาร์ในตลาดโลกหลังมีข่าวการเจรจาเรื่อง Brexit ยังไม่ลงตัว”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.35-31.50 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (3 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.35978% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.36068% SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 31.44000 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 106.27 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันพฤหัสที่อยู่ที่ระดับ 106.35 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1799 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันพฤหัสที่อยู่ที่ระดับ 1.1815 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.3410 บาท/
    ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินเงินบาทกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (7-11 ก.ย.)
    ที่ 31.10-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญได้แก่ ปัจจัยทางการเมืองในประเทศ สถานการณ์โควิด-19 ในไทยและต่าง
    ประเทศ และสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน
  • ‘สุริยะ’เผย กนอ.พร้อมรับนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตระลอกใหม่ มั่นใจนักลงทุนญี่ปุ่นเลือกไทย ‘สุพัฒน
    พงษ์’เล็งนำโรดโชว์ครั้งแรกต้นปีหน้า หลังปรับ ครม.ตู่ 2/2
  • รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ยังไม่มีนโยบายผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือมาตรการแอลทีวี เพิ่มเติม แม้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้บ้างก็ตาม เพราะมองว่าการฟื้นตัวควรมาจากความต้องการของผู้บริโภคที่แท้จริงมากกว่า โดยการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจและช่วยเรื่องรายได้ดีกว่า เนื่องจากหากผู้ประกอบการไม่มีรายได้จากความต้องการที่แท้จริง สุดท้ายจะไม่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการ ดังนั้นควรมีมาตรการที่ช่วยให้เกิดรายได้ขึ้นมาจะดีกว่า
  • อดีตขุนคลัง “สมหมาย ภาษี” ออกโรงแนะรัฐขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภาษีแวต) 2% จาก 7% เป็น 9% หวังรายได้เพิ่มขึ้น 1.2 แสนล้านบาท แก้ปัญหา โควิด-19 เตือนใช้เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผวาหนี้สาธารณะท่วมสูงเกิน 60% ต่อจีดีพีในปี’64
  • สทท.ประเมินหยุดยาว 4 วัน เงินสะพัด 7 พันล้าน แนวโน้มเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น แนะรัฐกระตุ้นต่อเนื่อง บขส. จัดรถ 5.2 พันเที่ยวรองรับผู้โดยสารวันละ 1 แสนคน เดินทางกลับ
  • ผู้ว่าการ ททท.เผย รัฐบาลเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ออกวีซ่านักท่องเที่ยวแบบใหม่ STV ย่อมาจาก Special Tourist Visa อยู่ได้ 90 วัน ต่อได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวม 270 วัน เหมาะสำหรับการกักตัวและพำนักในระยะยาว “พิพัฒน์” ยังไม่ได้ข้อสรุปจะให้ต่างชาติเข้ามาในภูเก็ตได้หรือไม่
  • ผู้อำนวยการใหญ่ของการอนามัยโลก (WHO) เตือนให้ประเทศทั่วโลกเตรียมความพร้อมสำหรับการแพร่ระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ลงทุนด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น
  • สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นปรับลดประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ของญี่ปุ่น หดตัวลง28.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี จากรายงานตัวเลขประมาณการเบื้องต้นซึ่งหดตัว 27.8%
  • ผลสำรวจของ FiveThirtyEight เมื่อวานนี้บ่งชี้ว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตมีโอกาสชนะเลือกตั้ง 71.1% โดยคาดว่าเขาจะชนะคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) จำนวน 334 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง และนายไบเดนยังมีโอกาสชนะเลือกตั้งจากคะแนนสนับสนุนของประชาชน (popular vote) เท่ากับ 84.1%
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวว่า เขาจะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน พร้อมกับขู่ว่าจะใช้มาตรการลงโทษบริษัทของสหรัฐที่ไปสร้างงานในต่างประเทศ และจะกีดกันบริษัทที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนไม่ให้ได้รับสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลกลางสหรัฐ
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top