นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข่าวเรื่องมาตรการที่รัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยการช่วยค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน 15 ล้านคน ในวงเงิน 3,000 บาทต่อคน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย เป็นการลดค่าครองชีพ และเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ส่งเสริมการบริโภค และช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยนั้น
มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงหลักการในเบื้องต้น ที่ทางกระทรวงการคลังได้นำเสนอในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะอนุมัติให้ดำเนินการโครงการแต่อย่างใด ข้อสรุปของที่ประชุมศบศ. คือได้มีมติให้กระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมศบศ. ในครั้งต่อไปภายใน 2 สัปดาห์
“มาตรการช่วยค่าใช้จ่ายประชาชนที่มีสิทธิจำนวน 15 ล้านคน ในวงเงินคนละ 3,000 บาทนั้นเป็นเพียงข้อเสนอในหลักการเบื้องต้นที่กระทรวงการคลัง นำเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมศบศ. เมื่อวันพุธที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ที่ประชุมศบศ. ได้มีมติให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของประชาชนที่จะลงทะเบียนได้รับสิทธิ รวมถึงร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยขอให้ครอบคลุมผู้ประกอบการรายย่อยให้ได้มากที่สุด และเมื่อกระทรวงการคลังได้ข้อสรุป และนำเสนอเพื่อขอมติจากศบศ. ในรายละเอียดแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือการนำเสนอมาตรการดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการต่อไป จึงขอให้ประชาชนได้มั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการโครงการช่วยเหลือประชาชนด้วยความรอบคอบ และให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนทั่วไป”
นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา กล่าวอีกว่า สำหรับเงินช่วยเหลือดังกล่าวนี้ รัฐบาลตั้งใจที่จะให้ประชาชนสามารถนำไปใช้จ่ายได้ที่ร้านค้าทั่วไป ร้านหาบเร่แผงลอย ร้านโชห่วยต่าง ๆ รวมถึงการซื้อสินค้าในตลาดสดและตลาดนัด เพื่อให้ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้า สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ให้ได้มากที่สุด และเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้อย่างเต็มที่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ย. 63)
Tags: ค่าครองชีพ, ชิมช้อปใช้, ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ, อนุชา บูรพชัยศรี, แจกเงิน