นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 70 จะปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 150,000-170,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 37,000 ล้านบาท
โดยจะเป็นการเติบโตต่อเนื่องในทุก ๆ ปี จากโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบตามแผน เช่นในปีนี้จะรับรู้ผลการดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เยอรมนี กำลังผลิต 465 เมกะวัตต์ ที่บริษัทได้เข้าซื้อหุ้น 50% โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/63
ขณะที่ในปี 64-65 โรงไฟฟ้าทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPP) กัลฟ์ เอสอาร์ซี (GSRC) ขนาดกำลังผลิต 2,650 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี, โรงไฟ้าพลังงานลมที่เวียดนามจำนวน 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 228 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ กำลังผลิต 326 เมกะวัตต์ ในประเทศโอมาน รวมถึงโครงการร่วมทุนกับมิตชุย เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับโครงการ One Bangkok เฟส 1
ส่วนในปี 66-67 มีโรงไฟฟ้าทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ได้แก่ โรงไฟฟ้า IPP กัลฟ์ พีดี (GPD) ขนาดกำลังผลิต 2,650 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในอ.ปลวกแดง จ.ระยอง, โรงไฟฟ้าหินกอง ในจ.ราชบุรี กำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ พร้อมกันนี้บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานจากโครงการมอเตอร์เวย์ และโครงการท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 และโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เข้ามาด้วย
นางสาวยุพาพิน กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ในลาว จำนวน 3 แห่ง กำลังผลิต 2,400 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปการลงทุนภายในปีนี้ ได้แก่ โครงการปากแบง กำลังการผลิต 912 เมกะวัตต์ ซึ่งหากมีการลงทุนคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบพร้อมรับรู้รายได้ในปี 72 และโครงการพลังน้ำอีก 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 1,454 เมกะวัตต์ คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบและพร้อมรับรู้รายได้ในปี 73
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 63)
Tags: GULF, กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, ยุพาพิน วังวิวัฒน์, ลาว, โรงไฟฟ้า, โรงไฟฟ้าพลังน้ำ, ไฟฟ้า