น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฉบับเดิมที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
เนื่องจากปัจจุบันมีพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมมากขึ้น โดยกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยใช้เงินงบประมาณไม่น้อยกว่า 30% ในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุจากเอสเอ็มอีที่ได้ขึ้นบัญชีรายการพัสดุและรายชื่อไว้กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) รวมถึงหากประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์แล้ว พบว่าผู้เสนอราคาที่เป็นเอสเอ็มอีเสนอราคาสูงกว่าราคาต่ำสุดของผู้เสนอราคารายอื่นไม่เกินกว่า 10% ให้เลือกเอสเอ็มอีแทน พร้อมทั้งกำหนดให้หน่วยงานชองรัฐจัดซื้อผลิตภัณฑ์ของร้านค้าสหกรณ์ หรือสถาบันเกษตรกรที่กระทรวงเกษตรฯรับรอง
ขณะเดียวกันร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ยังส่งเสริมการใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศ โดยกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ผลิตในประเทศไม่น้อยกว่า 60% ของพัสดุที่จะใช้ โดยเฉพาะงานก่อสร้างให้ใช้เหล็กที่ผลิตในประเทศก่อนและต้องไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าหรือปริมาณเหล็กทั้งหมดที่ใช้ และหากการจัดซื้อจัดจ้างพบว่าผู้เสนอราคาต่ำสุดเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
ขณะที่ผู้เสนอราคาที่เป็นบุคคลธรรมดาที่ถือสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยเสนอราคาสูงกว่ารายของต่างชาติไม่เกินร้อยละ 3 ให้พิจารณาเลือกผู้ประกอบการของไทย นอกจากนี้ยังกำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและจากผู้ประกอบการที่ได้ขึ้นบัญชีรายการพัสดุและรายชื่อไว้กับกรมควบคุมมลพิษ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 63)
Tags: SME, ครม., จัดซื้อจัดจ้างพัสดุ, ประชุมคณะรัฐมนตรี, เอสเอ็มอี, ไตรศุลี ไตรสรณกุล