“ทรัมป์”แถลงรับเป็นตัวแทนพรรคชิงเก้าอี้ปธน.อีกสมัย ยืนยันเลิกพึ่งพาจีน

ภาพ: รอยเตอร์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เพื่อตอบรับการเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 ในนามพรรครีพับลิกันอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยทรัมป์ให้คำมั่นว่า สหรัฐจะยุติการพึ่งพาจีน และจะทำให้สหรัฐกลับไปมีการจ้างงานและความเจริญรุ่งเรืองอย่างเต็มที่

“ผมยืนต่อหน้าพวกท่านในวันนี้เพราะได้รับเกียรติจากพวกท่านที่ให้การสนับสนุน ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่พวกเราร่วมสร้างความก้าวหน้าด้วยกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และผมยังคงเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถสร้างอนาคตอันสดใสของอเมริกาในอีก 4 ปีข้างหน้า”

ปธน.ทรัมป์กล่าวท่ามกลางผู้สนับสนุนในการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว

ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่าจะยุติการพึ่งพาจีน ด้วยการเสนอนโยบายเครดิตภาษีเพื่อดึงตำแหน่งงานออกจากประเทศจีน และจะเรียกเก็บภาษีจากบริษัทใดๆ ที่ถอนธุรกิจออกจากสหรัฐเพื่อไปสร้างงานในต่างประเทศ

“เราจะสร้างความเชื่อมั่นว่า บริษัทและตำแหน่งงานของเราจะยังคงอยู่ในประเทศ เหมือนกับที่ผมทำมาโดยตลอด นโยบายของโจ ไบเดน คือ “Made in China” แต่นโยบายของผมคือ “

Made in USA” ปธน.ทรัมป์กล่าว

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังให้คำมั่นว่า จะทำให้พื้นที่ชายแดนของสหรัฐมีความปลอดภัยมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และยังกล่าวด้วยว่า พรรครีพับลิกันประณามการปล้นสะดม การก่อจลาจล และการก่อเหตุรุนแรง

ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินใจว่า เราจะสามารถรักษาความฝันของชาวอเมริกันได้หรือไม่ และจะตัดสินด้วยว่าเราจะปล่อยให้ระบบสังคมนิยมเข้ามาทำลายอนาคตอันรุ่งเรืองของเราหรือไม่

นอกจากนี้ การเลือกตั้งในครั้งนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะสามารถปกป้องชาวอเมริกันที่ยึดมั่นในกฏหมายได้หรือไม่ หรือเราจะให้เสรีภาพกับบรรดาผู้ที่ยุยงให้เกิดความรุนแรงและการก่ออาชญากรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อพลเมืองของเรา

“จะไม่มีชาวอเมริกันคนใดปลอดภัยภายใต้การบริหารของไบเดน”

ปธน.ทรัมป์กล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์จบลงแล้ว ก็ได้มีการจุดพลุจำนวนมากขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อปิดการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าสหรัฐยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์นั้น ประชาชนที่เข้าร่วมฟังกว่า 1,000 คนได้นั่งบนเก้าอี้ติดกันโดยไม่คำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและการสวมหน้ากากอนามัย แม้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้แนะนำไว้ก่อนหน้านี้ก็ตาม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top