นิตยสารฟอร์จูนประกาศรายชื่อ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลก หรือ FORTUNE Global 500 ซึ่งปรากฏว่า Walmart คว้าอันดับหนึ่งเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และเป็นครั้งที่ 15 นับตั้งแต่ปี 2538 นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีบริษัทจากจีนติดอันดับมากที่สุด
ในทำเนียบ FORTUNE Global 500 ประจำปีล่าสุดนี้ ซึ่งพิจารณาจากรายได้รวมประจำปีงบการเงินของแต่ละบริษัทซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่หรือก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2563 พบว่า มีบริษัทจากจีน (รวมฮ่องกง) เพิ่มขึ้น 5 บริษัทจากปีที่แล้วเป็น 124 บริษัท และเมื่อรวมไต้หวัน ทำให้มีบริษัทจากเกรทเทอร์ไชน่าติดอันดับรวมทั้งสิ้น 133 บริษัท ด้านสหรัฐยังคงมีบริษัทติดอันดับจำนวน 121 บริษัท ส่วนญี่ปุ่นมีบริษัทติดอันดับเพิ่มขึ้นหนึ่งแห่งรวมเป็น 53 บริษัท นอกจากนี้มี 18 บริษัทมีชื่อติดอันดับเป็นครั้งแรก
สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกในรายชื่อ FORTUNE Global 500 ได้แก่
- Wal-Mart Stores (สหรัฐ)
- Sinopec (จีน)
- State Grid (จีน)
- China National Petroleum (จีน)
- Royal Dutch Shell (เนเธอร์แลนด์)
- Saudi Aramco (ซาอุดีอาระเบีย)
- Volkswagen (เยอรมนี)
- BP (Britain)
- Amazon.com (U.S.)
- Toyota Motor (Japan)
นิตยสารฟอร์จูนเปิดเผยด้วยว่า บริษัทในทำเนียบ Global 500 ทำรายได้รวมกันมากกว่าหนึ่งในสามของจีดีพีโลก โดยทำรายได้ 33.3 ล้านล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 2%) กำไร 2.06 ล้านล้านดอลลาร์ (ลดลง 4%) และจ้างงาน 69.9 ล้านคนทั่วโลก
Saudi Aramco (อันดับ 6) เป็นบริษัทที่ทำกำไรสูงสุดในบรรดาบริษัท FORTUNE Global 500 เป็นปีที่สองติดต่อกัน ด้วยกำไรสุทธิ 8.8 หมื่นล้านดอลลาร์
คลิฟตัน ลีฟ บรรณาธิการบริหาร เขียนในบทบรรณาธิการของนิตยสารฟอร์จูน ฉบับเดือนส.ค.-ก.ย. 2563 ว่า “เมื่อปี 2533 ซึ่งเป็นปีที่เราเริ่มการสำรวจ ไม่มีบริษัทในประเทศจีนเลยแม้แต่แห่งเดียวที่ติดอันดับ Global 500 แต่วันนี้ จีนมีบริษัทยักษ์ใหญ่มากกว่าประเทศใดในโลกนี้”
เขายังระบุอีกด้วยว่า การค้าระหว่างประเทศคือสิ่งทื่ทำให้อเมริกาเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับหนึ่ง และเป็นมานานก่อนจีน บริษัทอเมริกันส่งออกสินค้าและบริการเป็นมูลค่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2019 เพิ่มขึ้นจาก 4.87 แสนล้านดอลลาร์เมื่อสามทศวรรษก่อน มากกว่าที่เพิ่มขึ้นห้าเท่าเมื่อพิจารณาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ (nominal dollars) และแม้แต่ปรับตามเงินเฟ้อแล้ว อัตราการเติบโตก็ยังสูงถึง 152% ขณะที่การนำเข้า เมื่อปรับตามเงินเฟ้อแล้ว ขยายตัว 160% ซึ่งมากกว่าการส่งออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านเจฟฟ์ โคลวิน บรรณาธิการอาวุโส เขียนถึงการแข่งขันกันทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับจีน ว่า “การเปลี่ยนแปลงใน Global 500 นั้นมีนัยสำคัญ เพราะการแข่งขันนี้ได้ก่อให้เกิดอำนาจทางเศรษฐกิจ”
อย่างไรก็ดี นายโคลวินระบุว่า หากจะให้ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจของประเทศไหนใหญ่ที่สุด ยังคงตัดสินได้ยาก โดยสหรัฐยังคงเหนือกว่าเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยจีดีพีสหรัฐในปี 2562 มีมูลค่าอยู่ที่ 21.4 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับของจีนที่ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ แต่หากพิจารณาจากความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (Purchasing Power Parity) พบว่า จีนนำหน้าสหรัฐอยู่เล็กน้อยด้วยมูลค่า 21.4 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับ 20.5 ล้านล้านดอลลาร์ ณ ปี 2018 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่ธนาคารโลกมีข้อมูลอยู่
ทั้งนี้ บริษัทในทำเนียบ FORTUNE Global 500 ปีนี้มาจาก 225 เมืองและ 32 ประเทศทั่วโลก และมีซีอีโอหญิงรวม 14 คน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ส.ค. 63)
Tags: FORTUNE Global 500, Walmart, นิตยสารฟอร์จูน