นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ถึงปรับฐาน คล้ายตลาดภูมิภาค หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ขณะเดียวกันรอดูการประชุมเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล ใน 27-28 ส.ค.นี้ และติดตามการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯต่อไป ส่วนบ้านเรารีบาวด์ตอบรับมาตรการภาครัฐฯไปแล้ว ต่อจากนี้ก็รอดูจะส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐานได้มากแค่ไหน พร้อมให้แนวรับ 1,306-1,299 แนวต้าน 1,330 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ถึงปรับฐาน คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้แกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากภาพตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยหนุนใหม่ ขณะเดียวกันก็รอดูการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็คสัน โฮล วันที่ 27-28 ส.ค.นี้ ซึ่งให้จับตาดูประธานเฟดจะส่งสัญญาณอะไรออกมาบ้าง และยังต้องติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้รีบาวด์ตอบรับมาตรการของภาครัฐฯไปแล้วในเรื่อง”เราเที่ยวด้วยกัน” จากนี้ก็ต้องรอดูว่าจะมีแรงขับเคลื่อนส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทได้มากแค่ไหน
พร้อมให้แนวรับ 1,306-1,299 จุด ส่วนแนวต้าน 1,330 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,248.44 จุด ลดลง 60.02 จุด (-0.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,443.62 จุด เพิ่มขึ้น 12.34 จุด (+0.36%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,466.47 จุด เพิ่มขึ้น 86.75 จุด (+0.76%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 39.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 34.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 10.71 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 10.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.21 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ส.ค.63) 1,315.99 จุด ลดลง 1.12 จุด (-0.08%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 631.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ส.ค.63) ปิดที่ 43.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ส.ค.) อยู่ที่ 0.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.44 แข็งค่าจากวานนี้ตามทิศทางภูมิภาค หลังดอลล์อ่อน ให้กรอบวันนี้ 31.40-31.50
- ครม. อนุมัติงบ 1 พันล้าน ไทยร่วมลงทุนผลิตวัคซีนโควิด-19 กับนานาชาติ พร้อมเห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน และเคาะเพิ่มค่าโรงแรม-ตั๋วเครื่องบิน หนุน “เราเที่ยวด้วยกัน” ขณะที่นายกฯ เผยแนวคิดเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน ต.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ศบค. เผย ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม 5 ราย เดินทางกลับจากต่างประเทศ
- นายนพดล ตั้งทรงเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง เปิดเผยภายหลังการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้รับทราบข้อเสนอเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออก 4 ด้าน คือ การท่องเที่ยว การบริหารจัดการน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาคุณภาพชีวิต และโครงการพื้นฐาน รวม 34 โครงการ นายกฯ ขอให้เรียงลำดับความสำคัญโครงการ รวมทั้งงบประมาณที่จะได้รับการจัดสรรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมมาเสนอให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป
- ศาลล้มละลายกลางนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการการบินไทยนัดสุดท้ายแล้ว “ชาญศิลป์” ประเมินกระบวนการราบรื่นและมีแนวโน้มดีศาลนัดฟังคำสั่ง 14 ก.ย.63 แจงชัดลูกค้าที่ถือตั๋วที่ยังไม่ได้ใช้ (Unused) ไม่ใช่เจ้าหนี้เพราะยังมีสิทธิใช้บัตรเดินทางเมื่อการบินไทยกลับมาให้บริการปกติ
- นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านเศรษฐกิจ และตลาดการเงิน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกเดือน ก.ค.63 ซึ่งหดตัวที่ -11.4% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.62 และหดตัวน้อยลงจาก -23.2% ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงการผ่านจุดต่ำสุดของภาคการส่งออกไทยไปแล้ว และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเริ่มปรับดีขึ้นหลังผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง
- การประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในวันที่ 26 ส.ค.นี้ จะมีการพิจารณาอนุมัติโครงการที่ยื่นขอสนับสนุนเงินกองทุนอนุรักษ์ฯปีงบประมาณ 2563 ที่มีวงเงินพร้อมให้การสนับสนุนรวม 5,600 ล้านบาท โดยล่าสุดจากการกลั่นกรองโครงการของคณะทำงาน ได้พิจารณาโครงการที่ยื่นขอมารวมวงเงินสูงถึง 62,000 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ดังนั้นเงินที่เหลือจากการจัดสรรจะนำไปสมทบในปีงบประมาณ 2564 (วันที่ 1 ต.ค.63-30 ก.ย.64) แต่จะไม่เกินกรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับแผนการสนับสนุนเงินจากกองทุนอนุรักษ์ฯในปีงบประมาณ 2564 จะเน้นการสร้างงานสร้างรายได้เพิ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมุ่งเน้นการจ้างนักศึกษาจบใหม่ 400,000 คน โดยกองทุนอนุรักษ์ฯต้องมีการทบทวนเกณฑ์ให้สอดรับกับเจตนาที่จะว่าจ้างนักศึกษาจบใหม่ ซึ่งจะต้องมีการเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบต่อไป
หุ้นเด่นวันนี้
- MINT-W7 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 235,516,841 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุ 2 ปี 11 เดือน 25 วัน อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 21.60 บาท/หุ้น กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 16 พ.ย.63 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย วันที่ 31 ก.ค.66
- BCH (เอเชีย เวลท์)”ซื้อ”เป้า 19 บาท คาดธุรกิจจะฟื้นตัวในช่วง H2/63 หลังจากมีมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ ส่งผลให้ประชาชนเริ่มกลับเข้ามารับบริการในโรงพยาบาลมากขึ้น ทั้งผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยโครงการประกันสังคม ขณะที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรีคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วง Q4/63 และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วง Q1/64 ตามกำหนดการเดิม
- HANA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 48 บาท แนวโน้มการฟื้นตัวของกำไร H2/63 ดูดีจากจีนที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด รวมถึงเยอรมนีที่ฟื้นแรง โดยเห็นรายได้จะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ปลาย Q3/63 ต่อเนื่อง Q4/63 โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไร 40% เป็นเติบโต 29% Y-Y และ 9% Y-Y ในปี 2563-2564 แม้ผู้บริหารยังให้มุมมอง Conservative ต่อการฟื้นตัวที่ค่อยเป็นค่อยไปและยังกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า และความยืดเยื้อของโควิด-19 แต่ยังมองกำไร H2/63 จะแข็งแกร่งกว่า H1/63
- TOP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 48 บาท ได้ sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น ส่วนการขายหุ้น GPSC ให้ PTT มองเป็นบวกจากการมีเงินหมุนเวียนเพิ่ม 6 พันล้านบาทและมีกำไรจากดีลดังกล่าว 5.5 พันล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 63)
Tags: กรภัทร วรเชษฐ์, ตลาดหุ้น, หุ้นไทย, โนมูระ พัฒนสิน