นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลัง IPO โดยจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 27, 28, 31 ส.ค.63 และ 1 ก.ย.63 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 8 ก.ย.63 ในกลุ่มพาณิชย์ โดยใช้ชื่อย่อการซื้อขายว่า SCM
สำหรับการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่าย 6 แห่ง ประกอบด้วย บล.กรุงไทย ซีมิโก้, บล. กรุงศรี, บล.โกลเบล็ก, บล.คิงส์ฟอร์ด, บล. เคจีไอ และ บล.เคทีบี (ประเทศไทย)
ทั้งนี้ การกำหนดราคาขายหุ้น IPO ของ SCM ที่ระดับ 1.90 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ก่อนการเพิ่มทุน เท่ากับ 13.86 เท่า ซึ่งราคาดังกล่าวถือว่า เป็นระดับราคาที่มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง และโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต จากปัจจัยบวกเรื่องโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่และความชัดเจนในข้อกฎหมายขายตรงในประเทศพม่า
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร SCM กล่าวว่า บริษัทเตรียมนำเงินที่ได้จากการะดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนหมุนเวียนในกิจการเพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งรวมถึงแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดรับกระแสผู้บริโภคในยุค New Normal ที่หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น และเป็นกลุ่ม High growth ที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจ SCM ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
รวมถึงการมุ่งเน้นพัฒนาในด้านเทคโนโลยีและ E-marketing เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และการปรับปรุงสาขาเพื่อให้มีความทันสมัยพร้อมตอบโจทย์ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการอย่างเต็มที่
SCM ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในรูปแบบ Network Marketing ผ่านนักธุรกิจในประเทศและตัวแทนจัดจำหน่ายต่างประเทศ มีธุรกิจ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. กลุ่มธุรกิจแบบเครือข่าย จำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งในและต่างประเทศ เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ โดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ สามารถจำแนกเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง,กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว, กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าใช้ในครัวเรือน, กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร, กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี,
2. กลุ่มธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา เพื่อสนับสนุนธุรกิจเครือข่ายในประเทศและตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่มีเครือข่ายสมาชิกและฐานลูกค้าเป็นของตนเอง
และ 3. กลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า เพื่อดำเนินการเป็นโรงงานผลิตสินค้าให้แก่บริษัทภายในกลุ่ม SCM
นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวว่า จุดแข็งที่สำคัญของ SCM คือ การมีเครือข่ายสมาชิกกว่า 1.8 แสนคนทั่วประเทศ โดยมีสาขาเพื่อกระจายสินค้าอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย 23 แห่ง อีกทั้งยังมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ เพื่อเป็นช่องทางกระจายสินค้าในประเทศแถบ AEC ประกอบด้วยประเทศ เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์
“SCM ถือเป็นธุรกิจเครือข่ายรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สะท้อนให้เห็นว่า เราคือ “ตัวจริง” เห็นได้จากยอดขายในช่วงที่ผ่านมา เติบโตแบบพุ่งทะยาน 1 พันล้านบาท/ ปี โดย SCM มุ่งมั่นที่จะสร้างแบรนด์คนไทย ที่ไม่ใช่แค่แข่งขันในธุรกิจเครือข่ายในประเทศเท่านั้น แต่เราต้องการเป็นแบรนด์คนไทยที่แข่งขันในระดับอินเตอร์ได้”
นายนพกฤษฏิ์ กล่าว
ทั้งนี้ รายได้รวมในงวดปี 62 เท่ากับ 1,100.76 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 59.04 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.63 เท่ากับ 417.77 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 16.82 ล้านบาท ในงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.62 คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 15.73%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ส.ค. 63)
Tags: IPO, SCM, ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์, ตลาดหุ้นไทย, มนตรี ศรไพศาล, สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์, หุ้นไทย, ไอพีโอ