นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจปีนี้มีแนวโน้มเชิงบวกต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จากธุรกิจพื้นที่เช่าฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก ล่าสุดได้เปิดตัวศูนย์การค้าชุมชนแห่งใหม่ได้ตามแผน ที่ JAS Village Amata-Chonburi เริ่ม Soft Opening แล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2563 ปัจจุบันมีอัตราเช่าพื้นที่กว่า 95% เป็นกระแสรายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจให้เช่าในส่วนของศูนย์การค้า
นอกจากนี้ตั้งเป้าจะโอนห้องชุด ภายใต้โครงการคอนโดมิเนียม Newera ให้ได้ครบ 100% ในปี 2563 นี้ สะท้อนสถานการณ์ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และพื้นที่เช่าเริ่มเก็บเกี่ยวผลงานได้อย่างน่าประทับใจ และฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ด้วยการร่วมมือกันอย่างดีของบริษัท และพลัง Synergy ในกลุ่มเจมาร์ท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 2/63 มีผลกำไรสุทธิ 4.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนราว 126.2% และผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 63 มีกำไรสุทธิ 21.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 222% และเติบโตกว่าปี 62 ทั้งปีที่มีกำไรสุทธิ 17.21 ล้านบาท
สาเหตุสำคัญมาจากการบริหารจัดการต้นทุน และการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างดีเยี่ยม และมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) ในงวดไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนปี 2563 เท่ากับ 13.8 ล้านบาท และ 47.5 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ในท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการล็อกดาวน์ ต้องปิดห้างสรรพสินค้าและพื้นที่เช่าช่วงในไตรมาส 2 ตามนโยบายของภาครัฐบาล แต่บริษัทก็สามารถทำผลงานให้พลิกกลับมาเป็นกำไรได้
ขณะที่รายได้รวมในงวดไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 95.7 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนราว 36.4% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าเช่าที่ปรับลดลงอยู่ที่ 63.3 ล้านบาท เนื่องจาก การลดจำนวนสาขาของศูนย์พื้นที่เช่ามือถือ IT Junction ที่มีผลประกอบการไม่ได้ตามเป้าหมาย ทำให้รายได้พื้นที่เช่าในส่วนของ IT Junction ลดลง รวมถึง การให้ส่วนลดกับลูกค้าพื้นที่เช่าในช่วงล็อกดาวน์
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 63 มีรายได้รวม 260.8 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนราว 14.9% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าเช่าที่ปรับลดลงอยู่ที่ 161.1 ล้านบาท ส่วนรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้าเพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 65.5% อยู่ที่ 99.7 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมากจาก ในครึ่งปีแรกบริษัทสามารถโอนคอนโดมิเนียม Newera ได้จำนวน 21 ห้อง คิดเป็นมูลค่าการโอนประมาณ 55 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าว เป็นนโยบายการบริหารกระแสรายได้ของกลุ่มธุรกิจของบริษัท
“ผลงานไตรมาส 2 บริษัทมีการเติบโตของกำไรอย่างน่าประทับใจ พลิกจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนราว 18 ล้านบาท นับเป็นความท้าทายและการปรับตัวของบริษัทในสถานการณ์โควิด-19 จากการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ที่วางไว้ ทั้งการบริหารโครงสร้างของรายได้ที่แข็งแกร่ง มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี ในปีนี้มีโครงการใหม่ในมือที่ทยอยส่งมอบตามแผน ประกอบกับการบริหารต้นทุนค่าเช่าและต้นทุนขายให้ลดลง โดยบริษัทได้เจรจากับเจ้าของพื้นที่ และการปรับลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคภายในศูนย์การค้า รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงานและค่าใช้จ่ายการตลาด ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ”
นายสุพจน์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 63)
Tags: J, ศูนย์การค้า, สุพจน์ สิริกุลภัสสร์, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์, เจเอเอส แอสเซ็ท