นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่า ภายในสิ้นปี 63 บริษัทคาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มอีก 3 แห่ง กำลังการผลิตรวม 421 เมกะวัตต์ (MW) ได้แก่ โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 396 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 แห่ง รวมอีก 25 เมกะวัตต์
ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์จะเลื่อนไป COD ในไตรมาส 1/64 เนื่องจากได้รับผลกระทบเรื่องการขนส่งอุปกรณ์ก่อสร้างจากประเทศต้นทางเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าสู่การขยายกำลังผลิตให้ถึงเป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยเน้นกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียน 800 เมกะวัตต์ ภายในปี 68 ด้วยการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในจีนและเวียดนามให้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามแผน รวมถึงการลงทุนเพิ่มในโรงไฟฟ้าที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที อย่างการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยยิน (El Wind Mui Dinh) ในจังหวัดนินห์ถ่วน ซึ่งมีรายได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นทำเลที่เหมาะแก่การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม โดยคาดว่าการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/63
ขณะเดียวกัน บ้านปู เพาเวอร์ฯ มุ่งผสานพลังร่วมกับธุรกิจผลิตก๊าซธรรมชาติของ บมจ.บ้านปู (BANPU) เพื่อต่อยอดการพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในอนาคต และเดินหน้าสร้างการเติบโตในพอร์ตพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานผ่านบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ทั้งหมดนี้เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานในกลุ่มประเทศเป้าหมาย ตามหลักความยั่งยืนด้านพลังงาน อันจะนำมาซึ่งการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ยังคงสร้างกำไรต่อเนื่อง โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ 2,829 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานรวม 2,222 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าทุกแห่งที่สามารถรักษาเสถียรภาพในการจ่ายไฟและตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องแม้จะมีความท้าทายจากวิกฤติการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา
“ในครึ่งแรกของปี 63 แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจ แต่บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังสามารถรักษาการเติบโตของธุรกิจไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยระบบการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management: BCM) ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เราสามารถรักษากระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่งเห็นได้จากรายได้จากปริมาณขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในจีน และส่วนแบ่งกำไรที่มีเสถียรภาพจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าหงสา”
นายกิรณ กล่าว
นายกิรณ กล่าวอีกว่า บริษัทยังขยายพอร์ตการลงทุนให้ได้กำลังผลิตตามเป้าหมาย ซึ่งล่าสุดบ้านปู เพาเวอร์ฯ มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีกจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม EI Wind Mui Dinh ในเวียดนามที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ หลังกระบวนการซื้อขายเสร็จสิ้น
เมื่อผนวกกับยุทธศาสตร์การสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในหลากหลายประเทศที่มีศักยภาพ ประกอบกับการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าในแผนให้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนด เชื่อว่าบ้านปู เพาเวอร์ฯ จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสามารถสร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างมั่นคง
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/63 บ้านปู เพาเวอร์ฯ มีรายได้รวมจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 3 แห่งในจีนจำนวน 1,061 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำในเขตพื้นที่ที่โรงไฟฟ้าตั้งอยู่ และจากการปรับตัวลงของราคาต้นทุนถ่านหินในจีน ทำให้บริษัทสามารถรักษากำไรขั้นต้นที่ 12% ได้ โดยราคาต้นทุนถ่านหินเฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 540 หยวนต่อตัน ลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้าที่ราคาถ่านหินเฉลี่ยอยู่ที่ 605 หยวนต่อตัน
บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจำนวน 806 ล้านบาท โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราความพร้อมจ่ายกระแสไฟฟ้า (Equivalent Availability Factor: EAF) ที่ 100% โดยรายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 489 ล้านบาท ซึ่งได้รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าสกุลเงินแล้วจำนวน 120 ล้านบาท และผลบวกจากภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจำนวน 44 ล้านบาท
ส่วนโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยผลิตที่ 3 มีการหยุดเดินเครื่องในช่วงระหว่างปลายเดือน เม.ย.ถึงเดือน ส.ค.หลังพบความผิดปกติของบางอุปกรณ์ในเครื่องจักร จึงมีการปรับแผนซ่อมบำรุงใหญ่เพื่อประสิทธิภาพและเสถียรภาพของการเดินเครื่องในระยะยาว ทำให้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 407 ล้านบาท ซึ่งได้รวมผลขาดทุนจากการแปลงค่าสกุลเงินแล้ว
ส่วนธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงานภายใต้การลงทุนผ่าน บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ได้รายงานส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 90 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในธุรกิจเหล่านี้นั้นช่วยตอกย้ำการเปลี่ยนผ่านธุรกิจตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ของกลุ่มบริษัทบ้านปูฯ ที่มุ่งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
“บริษัทยังคงดำเนินมาตรการอย่างรัดกุมเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยของพนักงานในทุกประเทศ ทั้งนี้นอกจากการพัฒนาและก่อสร้างโรงไฟฟ้าในจีน ญี่ปุ่น และเวียดนามให้ COD ได้ตามแผนแล้ว บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนเพื่อการเติบโตบนพื้นฐานการบริหารงบลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่และประเทศที่มีศักยภาพ รวมถึงมุ่งผนึกพลังร่วมกับกลุ่มบ้านปูฯ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการวางแผนและพัฒนาธุรกิจผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะการศึกษาความเป็นไปได้การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา และโครงการไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่รักษาสมดุลระหว่างผลตอบแทนและกระแสเงินสดอย่างเหมาะสม และมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน”
นายกิรณ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 63)
Tags: BANPU, BPP, กิรณ ลิมปพยอม, บ้านปู, บ้านปู เพาเวอร์, หุ้นโรงไฟฟ้า, หุ้นไทย, โรงไฟฟ้า