นางสาววรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ – กลุ่มบัญชีและการเงิน บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/63 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2/63 ที่มีรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 942.68 ล้านบาท แม้ว่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนที่เป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้าง แต่การคลายล็อกดาวน์ จากมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทกลับมาทยอยเปิดให้บริการสาขาต่าง ๆ ได้ตามปกติ
“ช่วงไตรมาส 2/63 บริษัทต้องปิดสาขาทั้งโฮมโปร 69 สาขา และเมกาโฮม 8 สาขา ซึ่งมีผลทำให้รายได้จากการขายและการปล่อยเช่าพื้นที่หายไปกว่า 45 วัน อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่ายอดขายในช่องทางออนไลน์จะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 9% แต่มองว่ายังคงไม่สามารถเข้ามาชดเชยส่วนที่สูญเสียไปได้ทั้งหมด…ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/63 สามารถฟื้นตัวได้ แม้ว่าเป็นช่วงโลว์ซีซั่นก็ตาม” นางสาววรรณี กล่าว
นางสาววรรณี กล่าวว่า อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เริ่มปรับตัวเป็นบวกตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาแล้ว และยังคงทรงตัวในทิศทางที่เป็นบวกจนถึงปัจจุบัน สำหรับสาขาโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย ทั้ง 6 แห่ง ต้องยอมรับว่าในปีนี้ยังคงมีผลขาดทุนอยู่ เพราะได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกัน
ส่วนแผนการลงทุนในช่วงครึ่งหลังปี 63 นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาโฮมโปร เพิ่มอีก 2 สาขา ส่งผลให้ปลายปีนี้บริษัทจะมีสาขาโฮมโปรเพิ่มเป็น 86 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 84 สาขา ส่วนโฮมโปรเอส ในปีนี้ยังไม่แผนขยายสาขาใหม่ทำให้สิ้นปียังคงมีสาขาเท่าเดิมที่ 9 สาขา เช่นเดียวกันกับเมกาโฮมที่คงจำนวนสาขาทั้งสิ้น 14 สาขา โดยในปีนี้บริษัทมองว่าสถานการณ์ในประเทศยังดูมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่มุ่งเน้นการเพิ่มสาขาใหม่ แต่เน้นที่การบริหารจัดการและควบคุมดูแลต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ส.ค. 63)
Tags: HMPRO, ผลประกอบการ, วรรณี จันทามงคล, วัสดุก่อสร้าง, หุ้นไทย, โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์