พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์กรณี “ไวรัสโคโรนา” และ “ฝุ่น PM 2.5” ว่า รัฐบาลได้ยกระดับให้ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ติดตามและประเมินสถานการณ์ รวมทั้งการสั่งการต่างๆ ทั้งในเรื่องของไวรัสโคโรนา และฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างเป็นเอกภาพ
โดยตนจะกำกับดูแลเองอย่างใกล้ชิด เพื่อหาข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการของทุกกระทรวงรายกิจกรรมเพื่อสั่งการเพิ่มเติมได้ทันที จากมาตรฐานตามกฎหมายที่กำหนดไว้เดิม เมื่อจำเป็น โดยต้องร่วมกันแก้ไขทุกปัญหาของประเทศให้เป็นไปในทางเดียวกัน ตามหลักสากลอย่างเข้มงวดและปฏิบัติได้จริง
สำหรับกรณีการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สถานการณ์โดยรวมขณะนี้ถือว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ 100% มั่นใจว่าการดำเนินงานของรัฐบาลอยู่ในระดับมาตรฐานสากล การคัดกรองได้ผลดี พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสนี้ 8 ราย ทั้งหมดติดเชื้อจากประเทศจีน โดย 5 รายแรกหายแล้ว แพทย์ให้กลับบ้านได้ ถือว่าเป็นการรักษาที่ได้ผลดี เหลือผู้ป่วยอีก 3 รายที่ยังคงรับการรักษาในโรงพยาบาล
- สธ.ยันยังไม่พบไวรัสอู่ฮั่นระบาดในไทย เข้มคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง
- สรุปสถานการณ์การระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (26 ม.ค.)
โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำการชี้แจงสถานการณ์ตามข้อเท็จจริง โดยไม่ปิดบังข้อมูลใดๆ และยึดหลักการว่า “ชีวิตและสุขภาพของประชาชนสำคัญที่สุด”
มาตรการคุมโรคระบาดไทยติดอันดับ 6 จาก 195 ประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลขอยืนยันในความพร้อมของระบบการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีมาตรการเฝ้าระวังและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ติดอันดับ 6 จาก 195 ประเทศ จากการจัดอันดับโดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจของทุกคน ว่าเราเป็นที่ยอมรับในระดับโลก
สำหรับกระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นระดับ 3 ให้สอดคล้องกับความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อติดตามสถานการณ์โรค ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรการต่างๆ อย่างเหมาะสม
รวมทั้ง สามารถบริหารจัดการทรัพยากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งในภาครัฐ ภาคเอกชน และทางทหาร ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการเฝ้าระวัง ค้นหา และคัดกรอง ณ ช่องทางเข้า-ออกประเทศ ทั้ง 5 สนามบิน และช่องทางอื่นๆ ทั้งทางบก บริเวณชายแดน และทางเรือ ณ ท่าเรือต่างๆ ด้วย เพื่อคัดกรองผู้เดินทางมาจากทุกพื้นที่เสี่ยง อาทิ เมืองอู่ฮั่น กว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง และเมืองอื่นๆ ที่มีการระบาด ตามคำประกาศของทางการจีน
นอกจากนี้ ยังมีความพร้อมในการรักษา ส่งต่อ และการจัดตั้งพื้นที่ควบคุม เมื่อมีความจำเป็น ที่สำคัญ รัฐบาลได้บูรณาการการทำงานร่วมกันของกระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม รวมทั้งกรมประชาสัมพันธ์ในการรับมือ ป้องกัน และสร้างการรับรู้ที่ถูกต้อง แม่นยำ ให้กับประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศในบ้านเรา
เตรียมช่วยเหลือและอพยพคนไทยในจีน
ด้านการเตรียมอพยพชาวไทยในพื้นที่เสี่ยง ณ เมืองต่างๆ จากประเทศจีนนั้น ขณะนี้กระทรวงกลาโหมมีความพร้อมที่จะปฏิบัติได้ทันที ในโอกาสแรกที่ได้รับการอนุญาตจากประเทศจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานอย่างใกล้ชิดของกระทรวงการต่างประเทศ ปัจจุบัน เราสามารถติดต่อได้กับทุกคน ทั้งในลักษณะบุคคลและการแจ้งการปฏิบัติเป็นกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโรคระบาด คือ “ข่าวปลอม” รวมทั้งแหล่งข่าวที่หวังดี แต่อาจคลาดเคลื่อน รัฐบาลได้วางแนวทางการรับมือ ในการกำหนดช่องทางสื่อสารหลัก เพื่อให้เกิดเอกภาพ และน่าเชื่อถือได้ที่สุด จากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้โดยตรง ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ดังนั้น ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคน สื่อโซเชี่ยล ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุกครั้ง ก่อนที่จะมีการแชร์ หรือเผยแพร่ออกไป เนื่องจากจะสร้างความสับสน และตื่นตระหนกในภาพรวมของประเทศได้
ส่วนมาตรการในระยะยาว และคำแนะนำในการปฏิบัติตัวของแต่ละคน และข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบันที่สุด ในรายละเอียดอื่นๆ พี่น้องประชาชนสามารถติดตามข่าวสารได้อย่างต่อเนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีการแถลงข่าวทุกวัน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ผลักดันแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นวาระแห่งชาติ
ขณะที่สถานการณ์ปัญหา “ฝุ่นละออง PM2.5” นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ รัฐบาลมีความห่วงใยและได้กำหนดมาตรการและแนวทางการป้องกันมาอย่างต่อเนื่อง และได้ประกาศให้ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เป็นวาระแห่งชาติ ออกมาตรการและแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนฯ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่
การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง หรือแหล่งกำเนิด และการเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบ เครื่องมือ และกลไกการบริหารจัดการทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทวงอุตสาหกรรม และอื่นๆ ทั้งหมดถูกกำหนดอยู่ในแผนปฏิบัติการระยะสั้น และระยะยาว
รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่ากรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ใช้ระบบบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Single Command ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และเข้มงวด ในการกำกับดูแลควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง ทั้งจากยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่ง โดยให้รายงานผลการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาไปยังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง เพื่อรายงานให้รัฐบาลทราบเป็นประจำทุกวันถึงผลการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติรายกิจกรรม
การแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น รัฐบาลมีแผนเร่งการพัฒนาระบบโครงข่ายขนส่งสาธารณะให้เชื่อมโยงกันทุกระบบ การปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ใหม่ รวมถึงรถโดยสารสาธารณะ การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง และส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับกำชับให้หน่วยงานเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นตามแผนงานที่กำหนดหรือให้แล้วเสร็จก่อนกำหนด
สำหรับภาคการเกษตรจะมีการรณรงค์ให้ใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุการเกษตร เพื่อไม่ให้มีการเผา และส่งเสริมเกษตรกรที่ไม่ใช้วิธีการเผา การปรับเปลี่ยนร่องการปลูกพืชการเกษตรให้สามารถใช้เครื่องมือได้ โดยเฉพาะอ้อย โรงงานเอกชนต้องร่วมมือกันจัดหาเครื่องจักรที่มีราคาสูงให้ประชาชนและเกษตรกรใช้ได้ นอกเหนือจากการสนับสนุนจากภาครัฐ
สำหรับภาคอุตสาหกรรม จะมีการปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากโรงงานอุตสาหกรรมให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และกำกับดูแลควบคุมการระบายมลพิษอย่างเข้มงวด
ทางด้านสาธารณสุข ได้มีการเปิดคลินิกมลพิษเพื่อรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง มีการขอความร่วมมือจัด “ห้องสะอาด” หรือ clean room ตามศูนย์เด็กเล็ก บ้านพักคนชรา และโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมไปถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพด้วยตนเอง พร้อมทั้งจัดทำแผนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า แม้ช่วงนี้สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น และในเดือน ก.พ.ที่เป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศจะแปรปรวน ความกดอากาศอ่อนกำลังลง ก็เป็นอีกช่วงที่เราต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
“ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุน และให้ความร่วมมือในการป้องกันแก้ไขทุกปัญหาของประเทศด้วยดีมาโดยตลอด ขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทย รักษาสุขภาพ และช่วยกันดูแลบ้านเมืองของเรา ให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ กลับสู่สถานการณ์ปกติให้ได้โดยเร็ว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยของทุกคนด้วยนะครับ”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 63)
Tags: PM2.5, กระทรวงสาธารณสุข, มลพิษ, โรคระบาด, ไวรัสโคโรนา