องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังถือเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) ซึ่งนานาชาติจะต้องวางแผนควบคุมโรคในระยะยาว เนื่องจากการแพร่ระบาดอาจกินเวลายาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้
คณะกรรมการฉุกเฉินของ WHO ได้จัดการประชุมเป็นครั้งที่ 4 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมเห็นพ้องให้คงการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพไว้ รวมถึงเน้นย้ำความสำคัญในด้านการป้องกันโรคทั้งในระดับชุมชน ประเทศ ภูมิภาค และในระดับโลก
อนึ่ง นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ได้ตัดสินใจประกาศให้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เป็นภัยฉุกเฉินสากล เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ซึ่งในช่วงนั้นยังมีผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนไม่ถึง 100 ราย และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
“หลายประเทศที่เคยเชื่อว่าตัวเองผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดของการแพร่ระบาดมาแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มพบการระบาดระลอกสอง ขณะที่บางประเทศซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อลดลงเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนก็เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ในบางประเทศก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้”
นายแพทย์ทีโดรสกล่าว
คณะกรรมการฉุกเฉินแนะนำให้ WHO ติดต่อกับพันธมิตรและองค์กรทั่วโลก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับโควิด-19 และช่วยเหลือประเทศสมาชิกในด้านบริการทางการแพทย์ พร้อมเร่งวิจัยโรค รวมถึงวิธีรักษา และการพัฒนาวัคซีน
นอกจากนี้ ประเทศต่าง ๆ ควรมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการวิจัยเหล่านี้ผ่านการบริจาคเงิน และให้ความร่วมมือในการพัฒนาและกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ผ่านโครงการที่มีชื่อว่า “ACT-Accelerator” ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่นำโดยองค์การอนามัยโลกที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อเร่งพัฒนาและกระจายยารักษาและวัคซีนป้องกันโควิด-19
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 63)
Tags: COVID-19, PHEIC, WHO, ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส, องค์การอนามัยโลก, โควิด-19