นางแอนนาสตาเซีย พาลาสซีซุค นายกรัฐมนตรีรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย ประกาศให้นครซิดนีย์เป็นจุดแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลับมาแพร่ระบาดในประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คำประกาศดังกล่าว ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์ (1 ส.ค.) เป็นต้นไป จะห้ามไม่ให้ผู้ที่มีประวัติอาศัยอยู่ในนครซิดนีย์ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เดินทางเข้ารัฐควีนส์แลนด์ นอกเหนือจากผู้อยู่อาศัยในรัฐ ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการกักกันตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วัน พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง
ทั้งนี้ นครซิดนีย์รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 19 ราย ในวันพุธ (29 ก.ค.) หลังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อนที่มีแหล่งที่มาจากร้านอาหารและบาร์ทั่วเมืองได้
ขณะที่รัฐวิกตอเรียยังคงเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของออสเตรเลีย โดยตรวจพบผู้ป่วยเพิ่ม 295 ราย ในวันพุธ (29 ก.ค.) อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดที่ไม่ทราบแหล่งที่มาหลายกลุ่มก้อนในนครซิดนีย์ ส่งผลให้ชาวออสเตรเลียทั่วประเทศวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น
“เราตรวจพบผู้ป่วยจากการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในชุมชนทั่วซิดนีย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งครอบคลุมถึงพื้นที่มีนักท่องเที่ยวและชาวซิดนีย์เดินทางเยือนบ่อยครั้ง” นางพาลาสซีซุค กล่าว “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาสุขภาพของชาวควีนส์แลนด์ก่อนเป็นอันดับแรก ครั้งนี้ก็เช่นกัน”
ด้านนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ชี้ว่าเป็น “การตัดสินใจที่ชาญฉลาด” โดยเขาสนับสนุนมาตรการจำกัดการเดินทางของผู้ที่เดินทางมาจาก “พื้นที่แพร่ระบาด”
นางพาลาสซีซุคเสริมว่ามีกรณีหญิงวัย 19 ปี จำนวน 2 ราย มีผลทดสอบโรคโควิด-19 เป็นบวกในรัฐควีนส์แลนด์ หลังเดินทางกลับจากรัฐวิกตอเรีย โดยทั้งสองให้ข้อมูลเท็จแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการกักกันตัว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 63)
Tags: COVID-19, XINHUA, นครซิดนีย์, รัฐควีนส์แลนด์, รัฐวิกตอเรีย, สกอตต์ มอร์ริสัน, ออสเตรเลีย, แอนนาสตาเซีย พาลาสซีซุค, โควิด-19