ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) โดยระบุว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ โดยเฟดเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการจ้างงานให้ขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ และบรรลุเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมนุษย์ และฉุดเศรษฐกิจในสหรัฐและทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างรุนแรง กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับในช่วงต้นปีนี้ นอกจากนี้ อุปสงค์ที่อ่อนแอลง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ กำลังทำให้อัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจากราคาผู้บริโภคปรับตัวลงด้วย อย่างไรก็ดี ภาวะทางการเงินปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนถึงมาตรการด้านนโยบายต่างๆ ที่นำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดสรรสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจของสหรัฐ
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้านั้น จะขึ้นอยู่กับแนวโน้มการแพร่ระบาดของไวรัส วิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ มีแนวโน้มที่จะฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อ ให้ทรุดตัวลงอย่างหนักในระยะเวลาอันใกล้นี้ ด้วยสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ คณะกรรมการ FOMC จึงได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% โดยคณะกรรมการคาดว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจสามารถต้านทานปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ได้ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา
คณะกรรมการจะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะได้รับในวันข้างหน้า ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุข รวมทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดน้อยลง โดยคณะกรรมการจะใช้เครื่องมือต่างๆ และการดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ส่วนในการตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาและขนาดในการปรับกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคตนั้น ทางคณะกรรมการจะประเมินภาวะเศรษฐกิจทั้งในแง่ของความเป็นจริงและการคาดการณ์ โดยคำนึงถึงเป้าหมายของการจ้างงานสูงสุดและเงินเฟ้อที่ระดับ 2% การประเมินนี้จะพิจารณาข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงมาตรวัดภาวะตลาดแรงงาน ปัจจัยชี้วัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาความคืบหน้าทางการเงินและสถานการณ์ในต่างประเทศ
เฟดจะสนับสนุนการจัดสรรสินเชื่อให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดยในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เฟดจะเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลัง และหน่วยงานด้านที่อยู่อาศัย รวมถึงหลักทรัพย์ด้านการพาณิชย์ที่มีหนี้จำนองค้ำประกัน อย่างน้อยเท่ากับอัตราในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนให้ตลาดต่างๆ ดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งจะเป็นการส่งผ่านนโยบายการเงินที่มีประสิทธิภาพไปยังตลาดการเงินในวงกว้างขึ้น นอกจากนี้ เฟดจะยังคงดำเนินการทำข้อตกลงซื้อคืนพันธบัตรจำนวนมากทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยจะจับตาภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับแผนการต่างๆ ตามความเหมาะสม
สำหรับกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, มิเชล ดับเบิลยู โบวแมน, ลาเอล เบรนาร์ด, ริชาร์ด เอช คลาริดา, แพทริค ฮาร์เกอร์, โรเบิร์ต เอส แคปแลน, นีล แคชคารี, ลอเร็ตตา เจ เมสเตอร์ และ แรนดัล เค ควอร์เลส
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 63)
Tags: Fed, FOMC, ธนาคารกลางสหรัฐ, นโยบายการเงิน, เจอโรม พาวเวล, เฟด, เศรษฐกิจสหรัฐ