ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงหุ้นแอปเปิลและไมโครซอฟท์ซึ่งอยู่ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาดในสหรัฐ และความกังวลที่ว่าความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,652.33 จุด ลดลง 353.51 จุด หรือ -1.31%
- ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,235.66 จุด ลดลง 40.36 จุด หรือ -1.23%
- ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,461.42 จุด ลดลง 244.71 จุด หรือ -2.29%
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ รวมทั้งความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงและบั่นทอนภาคธุรกิจให้อ่อนแอลงด้วย
ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 4.35% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 4.55% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 3.03% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.07% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 3.66% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 2.50% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ร่วงลง 3.59%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.416 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3 ล้านราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 18 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่
หุ้น Spotify ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสตรีมเพลงออนไลน์ ร่วงลง 7.62% เนื่องจากแรงขายทำกำไร หลังจากราคาหุ้นทะยานขึ้นกว่า 8% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่า Spotify บรรลุข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธิกับค่ายเพลงดังระดับโลกอย่าง Universal Music Group (UMG) ซึ่งจะเปิดทางให้ทั้งสองบริษัทร่วมกันคิดค้นแคมเปญการตลาดใหม่ ๆ และนำเสนอแคมเปญเหล่านี้บน Spotify
หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 4.06% หลังจากบริษัทเปิดเผยจำนวนสมาชิกอยู่ที่ระดับ 186 ล้านรายในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 172 ล้านราย อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้เพียง 683 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 707 ล้านดอลลาร์
หุ้นคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าผู้บริโภครายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และยอดขายที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวผันผวน โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.61% แม้บริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิสูงถึง 2.067 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.82 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2 ขณะที่หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 9.15 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.63 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดีดตัวขึ้น 2.06% และหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.9%
นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ซึ่งคาดว่าจะมีวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากกว่า อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ได้แสดงความกังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในสภาคองเกรสอาจส่งผลกระทบต่อการออกมาตรการดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ค.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 63)
Tags: dowjones, Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก