หุ้นแบงก์ดีดตัวขึ้นเกือบทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ ตอบรับการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณว่าอาจปรับลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) อีกรอบ
เมื่อเวลา 10.35 น. หุ้น BBL อยู่ที่ 108.00 บาท ปรับขึ้น 1.50 บาท (1.41%)
KBANK อยู่ที่ 92.50 บาท ปรับขึ้น 1.00 บาท (1.09%)
SCB อยู่ที่ 73.25 บาท ปรับขึ้น 1.00 บาท (1.37%)
บทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นที่ ธปท.อาจต่ออายุการลดเงินนำส่ง FIDF จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของธนาคารลงได้ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง โดยได้ทำ sensitivity หากปรับลดเงินนำส่ง FIDF ลงเหลือ 0.23% จาก 0.46% ในปี 65 ต่ออีก พบว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ได้ประโยชน์มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก
โดย KTB ได้รับผลดีมากที่สุด กำไรสุทธิมี upside เพิ่ม +14% รองลงมาเป็น BBL ที่ +13% และ SCB ที่ +10% ส่วน KBANK +9% แต่อย่างไรก็ดี เราคาดว่า ธนาคารจะดำเนินงานอย่าง conservative ทำให้เราเชื่อว่า upside ดังกล่าวจะมีไม่มาก เพราะธนาคารจะนำไปตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น
ส่วนประเด็นเรื่องการไม่ต่ออายุมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่จะหมดอายุในเดือน ต.ค. 2563 เรามองว่าส่งผลดีต่อธนาคารในแง่ของกระแสเงินสดที่จะเข้ามา ทำให้ธนาคารไม่ขาดสภาพคล่อง ขณะที่เราเชื่อว่าแต่ละธนาคารจะจัดการกับลูกหนี้ที่มีปัญหาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยเหลือโดยการปรับโครงสร้างหนี้
เรายังคงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารเป็น “เท่ากับตลาด” ชอบ BBL (ซื้อ/เป้า 130.00 บาท) เพราะเป็นธนาคารที่ต้านทานภาวะเศรษฐกิจได้ดี และมีผลดีจากการรวมธนาคารเพอร์มาตาที่จะเพิ่ม upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิในปี 64 ประมาณ 10%
ขณะที่บทวิเคราะห์ของ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า ข่าว ธปท.ที่มีโอกาสปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF ลงอีกจากปัจจุบันอยู่ที่ 0.23% ของฐานเงินฝาก ถือเป็นข่าวดี ช่วยลดต้นทุนทางการเงินของธนาคารทันที เพิ่มสภาพคล่องให้ธนาคาร รวมถึงธนาคารสามารถนำไปช่วยเหลือลูกหนี้โดยการลดดอกเบี้ยลง ช่วยพยุงฐานะให้ลูกหนี้สามารถประคองตัว หากภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น จะทำให้ลูกหนี้สามารถอยู่รอดได้ไม่กลายเป็นหนี้ NPL และทำให้สถานะทางการเงินของธนาคารไม่ได้เลวร้ายตามไปด้วย ซึ่งถือเป็นปัจจัยหหนุนต่อกลุ่มธนาคาร
อย่างไรก็ดี แม้ว่ายังไม่ได้ประกาศปรับลดเงินนำส่งกองทุน FIDF ลงจริง แต่ก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ในอนาคต ถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ช่วงนี้เป็นช่วงที่กลุ่มธนาคารทยอยประกาศผลประกอบการ 2Q63 (ภายใน 21 ก.ค.63) ซึ่งคาดว่าไม่ค่อยดีนัก จึงแนะนำเพียงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นไปก่อน
หุ้นแบงก์ที่เป็น Top Pick ของเราคือ BBL (TP:136) ถือเป็นหุ้นะนาคารขนาดใหญ่ที่มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งมีเงินสำรองที่สูงมากเพียงพอที่จะรองรับ NPL ที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ในช่วงนี้ และ TISCO (TP:83) ซึ่งถือเป็นธนาคารที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงสุด มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและมีเงินปันผลสูง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 63)
Tags: BBL, KBANK, SCB, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธปท., หุ้นแบงก์