ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นโบอิ้งที่ทะยานขึ้นกว่า 14% และข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า รัฐต่างๆในสหรัฐจะไม่ออกมาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง แม้ว่ายอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,595.80 จุด เพิ่มขึ้น 580.25 จุด หรือ +2.32%
- ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,053.24 จุด เพิ่มขึ้น 44.19 จุด หรือ +1.47%
- ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,874.15 จุด เพิ่มขึ้น 116.93 จุด หรือ +1.20%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 44.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ NAR เริ่มทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนม.ค.2544 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 15%
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตรัฐเท็กซัสพุ่งขึ้นสู่ระดับ 13.6 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ -28.0 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนมิ.ย. หลังจากทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด
หุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็น 1 ในหุ้นของบริษัท 30 แห่งที่ใช้เป็นหลักทรัพย์ในการคำนวณดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดทะยานขึ้น 14.4% ขานรับข่าวที่ว่า สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ได้เริ่มดำเนินการทดสอบการบินของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max เมื่อวานนี้ ก่อนที่เครื่องบินรุ่นดังกล่าวจะกลับมาให้บริการในปลายปีนี้ โดยนักลงทุนมองว่าการทดสอบการบินดังกล่าวเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญ หลังจากที่เครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ถูกสั่งห้ามบินเป็นเวลากว่า 15 เดือน หลังเกิดอุบัติเหตุ 2 ครั้งในเวลาห่างกันเพียง 5 เดือน จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 346 ราย
การพุ่งขึ้นของหุ้นโบอิ้งช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.34% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 4.9% หุ้น 3M เพิ่มขึ้น 2% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 4.77%
หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 2.11% หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่าบริษัทชั้นนำหลายแห่งซึ่งรวมถึงยูนิลีเวอร์ และเวริซอน คอมมิวนิเคชันส์ ได้พากันคว่ำบาตรการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่าเฟซบุ๊กไม่ได้ดำเนินการมากพอที่จะหยุดยั้งการแสดงความเห็นที่สร้างความเกลียดชังบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นทวิตเตอร์ ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 2.54% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.07% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.87%
หุ้นโคตี้ ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 13.4% หลังจากบริษัทประกาศทำข้อตกลงกับ คิม คาร์เดเชียน เวสต์ นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง เพื่อพัฒนาธุรกิจความงามทั่วโลก
หุ้นเชซาพีค เอเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐ ถูกระงับการซื้อขาย หลังจากบริษัทได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายสหรัฐ โดยเชซาพีคเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานรายใหญ่ของสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์น้ำมันและก๊าซที่ทรุดตัวลง อันเนื่องมาจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า รัฐต่างๆในสหรัฐจะไม่ออกมาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง เนื่องจากจะส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า แม้ว่ายอดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยข้อมูลจาก Worldometer ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,637,180 ราย และมีผู้เสียชีวิต 128,438 ราย
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนเม.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนมิ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราว่างงานเดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนพ.ค., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 63)
Tags: dowjones, Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น