ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเปิดเผยในวันพุธ (24 มิ.ย.) ว่า คณะบริหารของเขาอาจกำหนดอัตราภาษีนำเข้าอาหารทะเลจากจีน หากพบว่าจีนไม่ซื้อสินค้าของสหรัฐตามข้อตกลงการค้าที่ทำไว้ระหว่างกัน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สหรัฐและจีนได้ลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ช่วยยุติสงครามภาษีระหว่างกันชั่วคราว แต่ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาต้องการที่จะปกป้องชาวประมงที่ทำการจับกุ้งล็อบสเตอร์ ซึ่งนับว่าเป็น “มงกุฎเพชร” ของอุตสาหกรรมอาหารทะเลของสหรัฐ หลังจากที่ชาวประมงดังกล่าวได้รับผลกระทบอย่างหนักจากข้อตกลงการค้าระหว่างแคนาดาและสหภาพยุโรป (EU)
ตามบันทึกความเข้าใจที่ลงนามโดยปธน.ทรัมป์นั้นระบุว่า สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) จะเริ่มส่งรายงานประจำเดือนตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.เป็นต้นไปให้กับปธน.ทรัมป์ เพื่อแจ้งรายละเอียดความคืบหน้าของจีนในการปฎิบัติตามข้อตกลงการซื้ออาหารทะเล
หากพบว่าจีนไม่ปฎิบัติตามข้อตกลง ทาง USTR จะพิจารณาตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนดเพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมในการตอบโต้ด้วยการกำหนดภาษีนำเข้าอาหารทะเลจากจีน
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรก สหรัฐได้ลดการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนบางส่วน ขณะจีนตกลงที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าและบริการของสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้าเป็นมูลค่าอย่างน้อย 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นผลิตผลทางการเกษตรมูลค่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงอาหารทะเล เช่น ล็อบสเตอร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 63)
Tags: USTR, ข้อตกลงการค้า, จีน, ภาษี, ยุโรป, ล็อบสเตอร์, สงครามการค้า, ส่งออก, สหรัฐ, อาหารทะเล, แคนาดา, โดนัลด์ ทรัมป์