ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 700 จุดเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐอาจทำให้รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอีกครั้ง ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งในปีนี้และปีหน้า
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,445.94 จุด ร่วงลง 710.16 จุด หรือ -2.72%
- ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,050.33 จุด ลดลง 80.96 จุด หรือ -2.59%
- ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,909.17 จุด ลดลง 222.20 จุด หรือ -2.19%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยแรงกดดันตลอดทั้งวัน อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดยรายงานระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐฟลอริดาพุ่งขึ้น 5,508 รายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราการติดเชื้อในรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 15.91% จากเดิมที่ 10.82%
นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนกติกัตมีคำสั่งให้กักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างรัฐเป็นเวลา 14 วันเพื่อเฝ้าดูอาการติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่รัฐวอชิงตันได้ออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ ส่วนรัฐแอริโซนาและเท็กซัสมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังประกาศยกเลิกมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดได้ไม่นาน
นักวิเคราะห์จากบริษัทแซคส์ อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ในรัฐอิลลินอยส์กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างมากในสหรัฐทำให้นักลงทุนหวั่นวิตกว่า รัฐบาลอาจประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เนชันแนล ซิเคียวริตีส์ ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า การพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อและการล็อกดาวน์ประเทศรอบใหม่จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแออยู่แล้วนั้น ให้ย่ำแย่ลงอีก
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากการที่ IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก พร้อมกับเตือนว่าสถานะทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆจะทรุดตัวลงอย่างหนัก จากผลกระทบที่รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 4.9% ในปีนี้ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะหดตัวลง 3% นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 5.4% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัว 5.8%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4.7% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 4.17% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 8.7% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทรุดลง 9.07%
หุ้นกลุ่มการสายการบิน กลุ่มธุรกิจเรือสำราญ และกลุ่มโรงแรม ซึ่งเคยถูกคาดหวังว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 8.34% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.86% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ร่วงลง 7.19% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ทรุดตัวลง 11.26% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 11.26% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 6.2% หุ้นฮิลตัน เวิล์ดไวด์ โฮลดิ้ง ร่วงลง 3.2% หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 8.3%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 63)
Tags: dowjones, Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก