นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ดล์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชียเอวิเอชั่น (AAV) คาดว่าในปี 64 จะกลับมามีกำไรจากปีนี้ที่รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยสถานการณ์ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เพราะเริ่มกลับมาทำการบินเส้นทางในประเทศตั้งแต่เดือน มิ.ย. ซึ่งได้ใช้เครื่องบิน 15 ลำ จากเครื่องบินทั้งหมด 60 ลำ และในเดือน ก.ค.จะเพิ่มการใช้เครื่องบินเป็น 20 ลำ โดยบินได้ทุกจังหวัด แต่ความถี่ยังไม่เท่าเดิม
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ธุรกิจการบินยังไม่ดีตราบใดที่ยังไม่สามารถทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศได้ เพราะรายได้กำไรหลักมาจากเส้นทางต่างประเทศ หรือแม้แต่เส้นทางในประเทศก็ต้องอาศัยผู้โดยสารต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวและต่อเที่ยวบินไปเที่ยวแต่ละภูมิภาค โดยก่อนเกิดโควิดเส้นทางในประเทศมีสัดส่วน 60% ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากการเดินทางของต่างชาติ
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ภาครัฐควรจะเริ่มเปิดให้ทำการบินเส้นทางต่างประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องให้มีความพร้อมทั้งหมด ในเบื้องต้น ก.ค.น่าจะทำการบินในกลุ่มอินโดจีน อาทิ เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา ลาว ซึ่งประเทศเหล่านี้มีผู้ติดเชื้อโควิดน้อย และแทบไม่มีการระบาด เพราะไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการสายการบิน โรงแรม หรือแม้แต่ร้านอาหารก็จะไม่สามารถฟื้นกลับมาได้ หรือจับคู่แต่ละประเทศเที่ยว เช่นจีน โดยให้ท่องเที่ยวเป็นพื้นที่ที่กำหนดไว้ เช่น ชายหาดหัวหิน เป็นต้น
นายธรรศพลฐ์ เห็นว่า ภาครัฐน่าจะเปิดทำการบินต่างประเทศไปยังเมืองที่ไม่มีการแพร่ระบาด ไม่ควรมองเป็นทั้งประเทศ อย่างจีนเมืองที่ไม่มีการระบาด ได้แก่ กวางเจา เซินเจิ้น คุนหมิง น่าจะบินระหว่างกันได้ เช่นเดียวกับญี่ปุ่นก็น่าจะดูเป็นเมืองๆไป อย่างไรก็ดีหากยังมีการกักตัว 14 วันก็คาดว่าจะไม่มีใครเดินทางมาท่องเที่ยว และเห็นว่าเป็นการตรวจหาเชื้อที่รู้ผลเร็วและแม่นยำได้ เพราะขณะนี้มีเทคโนโลยีและหลายวิธีการตรวจหาเชื้อแล้ว
“ถ้าต่างชาติไม่เข้ามาเลยไม่มีทางที่จะฟื้นเหมือนเดิม เราต้องหาจุดตัดกับสุขภาพอยู่ตรงไหน”
นายธรรศพลฐ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายธรรศพลฐ์ กล่าวถึงการขอให้ภาครัฐปล่อยเงินกู้ soft loan ที่มีดอกเบี้ยต่ำ ให้กับกลุ่มสายการบิน 8 แห่ง รวมกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท โดยไทยแอร์เอเชีย ขอวงเงินไว้ 4.5 พันล้านบาท ขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับ ทั้งนี้ หากยังไม่ได้รับเงินกู้ดังกล่าวภายในสิ้นมิ.ย.ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อรัฐบาลเปิดการท่องเที่ยวและออกแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวมาจะเหลือกี่สายการบินที่ทำการบินได้ นอกจากนี้ที่ผ่านมาสายการบินก็ส่งภาษีกลับมาให้รัฐบาลมากมายทั้งในรูปภาษีเงินได้ ภาษีสรรพสามิต ค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน
ด้านนายนัดดา บูรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ กล่าวว่า ขณะนี้ไทยแอร์เอเชีย และ ไทยเอเชียเอ็กซ์ เดินสายคุยกับสถานทูตของประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น ว่าจะมีหลักเกณฑ์ใช้ระหว่างการเดินทาง 2 ประเทศ และใช้วิธีการตรวจหาเชื้อที่รวดเร็วและแม่นยำ แต่ไม่ควรกักตัว 14 วัน โดยระยะแรกเป็นนักธุรกิจ จากนั้นจึงค่อยเป็นนักท่องเที่ยว
ขณะที่กระแสเงินสดของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ยังอยู่ได้ โดยเป็นสายการบินแรกๆที่หยุดทำการบินเมื่อกลางมี.ค. เพื่อเก็บกระแสเงินสดไว้ โดยตอนนี้ใช้เครื่องบินเพียง 5-10%. ขนส่งผู้โดยสารคนไทยที่กลับมาประเทศ และขนส่งสินค้า (Cargo) ค่าใช้จ่ายทุกอย่างลดลงเพราะแทบไม่ได้ทำการบิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 63)
Tags: AAV, ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ดล์, นัดดา บูรณศิริ, หุ้นไทย, เอเชีย เอวิเอชั่น, ไทยแอร์เอเชีย, ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์