- ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.30 น.)
- ผู้ติดเชื้อสะสม 3,157 คน (+1)
- เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ = 0 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) = 1 ราย
- ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันเป็นวันที่ 30
- รักษาหายแล้ว 3,026 คน (+3)
- ผู้ป่วยรักษาอยู่โรงพยาบาล 73 คน (-2)
- เสียชีวิตสะสม 58 คน (+0)
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ในสถานกักกันตัวของรัฐ (State Quarantine) ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ภายในประเทศไม่พบรายใหม่ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 30 วัน
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,157 ราย วันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มอีก 3 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 3,026 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 73 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 58 ราย
ผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นรายใหม่ เป็นชายวัย 31 ปี อาชีพพนักงานร้านอาหาร เดินทางกลับจากฟิลิปปินส์ถึงไทยในวันที่ 17 มิ.ย. เข้าพักใน State Quarantine ใน กทม. และตรวจหาเชื้อในวันที่ 22 มิ.ย.พบการติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก 211 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ มีผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 9,353,739 ราย เสียชีวิตแล้ว 479,806 ราย โดยสหรัฐมีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากสุดอยู่ที่ 2,424,168 ราย เสียชีวิตแล้ว 123,314 ราย
“แม้สถานการณ์ในบ้านเราจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ข้างนอกยังพบผู้ป่วยยืนยันในอัตราสูง โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 165,878 ราย เราจึงต้องการ์ดไม่ตกต่อไป” นพ.วิษณุ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 สำหรับกิจการ/กิจกรรมที่เหลือในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ได้แก่ อาคารสถานที่ของสถาบันการศึกษา, ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์, สถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ, ร้านเกมและร้านอินเทอร์เน็ต, สถานประกอบกิจการอาบอบนวด โรงน้ำชา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดเล็ก ได้จัดทำร่างผ่อนคลายฯ ที่จะนำเสนอให้ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาในวันที่ 29 มิ.ย.29
โดยก่อนเริ่มมีประกาศผ่อนคลายให้กิจการ/กิจกรรมจะต้องลงทะเบียนแอปพลิเคชั่น”ไทยชนะ”ล่วงหน้า เพื่อการวางแผน กำกับ ติดตามของหน่วยงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ, ทุกกิจการ/กิจกรรมต้องลงทะเบียนก่อนเข้า-ออกสถานที่ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปตรวจประเมินจะต้องลงทะเบียนแอปพลิเคชั่น”ผู้พิทักษ์ไทยชนะ”เพิ่มเติมด้วย, มาตรการตรวจคัดกรองอุณหภูมิทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ โดยให้รายงานหน่วยงานรับผิดชอบหากพบผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค, ให้พิจารณาหานวัตกรรมมาใช้เพื่อให้บริการรูปแบบใหม่ในระยะยาวที่จะนำไปสู่การป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ
“เนื่องจากการผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมที่เหลือมีความเสี่ยงสูง ส่งผลกระทบทางธุรกิจน้อย แต่มีผู้เดือดร้อนมาก ทั้งนักดนตรี พนักงานเสิร์ฟ พนักงานให้บริการ” นพ.วิษณุ กล่าว
โฆษก ศบค.กล่าวว่า ในวันที่ 1 ก.ค.63 ทุกกิจการ/กิจกรรมจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติตามเดิม แต่ในส่วนของสถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ จะมีการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบการ, กำหนดให้เปิดบริการได้ไม่เกิน 24.00 น., จำกัดผู้ใช้บริการตามขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 4 ตารางเมตร/คน, ระยะห่างระหว่างโต๊ะไม่น้อยกว่า 2 เมตร, ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ 1 เดือน, งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น พนักงานเชียร์เบียร์
สำหรับร้านเกมและร้านอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ 2,000 แห่ง และต่างจังหวัดอีก 2,000 แห่ง จะมีการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบการ กำหนดให้มีมาตรการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ ลงทะเบียน เว้นระยะห่าง ห้ามทานอาหาร ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ 1 เดือน กำหนดเวลาให้บริการครั้งละ 2 ชั่วโมง เพื่อหยุดทำความสะอาด 15 นาที และกำหนดเวลาใช้บริการตามอายุ เช่น อายุไม่เกิน 15 ปี ช่วงวันจันทร์-ศุกร์ใช้บริการได้ในเวลา 14.00-20.00 น.และวันหยุดใช้บริการได้ในเวลา 10.00-20.00 น. อายุ 15-18 ปี ช่วงวันจันทร์-ศุกร์ใช้บริการได้ในเวลา 14.00-22.00 น. อายุ 18 ปีขึ้นไปใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนสถานประกอบกิจการอาบอบนวด โรงน้ำชา จะมีการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบการ ผู้เกี่ยวข้องต้องลงทะเบียนเข้า-ออก ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลายกเว้นขณะอาบน้ำ เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 1 เมตร ยกเว้นขณะอาบน้ำ
นอกจากนี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ยังพิจารณาการผ่อนคลายการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของชาวต่างชาติ โดยกลุ่มเป้าหมายที่ตอบรับมาตรการ State Quarantine ที่สามารถดำเนินการได้ทันที ได้แก่ นักธุรกิจและนักลงทุนราว 700 คน
ส่วนกลุ่มแรงงานฝีมือและผู้เชี่ยวชาญราว 15,400 คน, คนต่างด้าวที่มีครอบครัวเป็นคนไทยหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทยราว 2,000 คน, บุคลากรทางการศึกษาราว 2,000 คน, กลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุนที่ต้องการเดินทางเข้ามาในช่วงสั้น หรือแขกของรัฐบาลจะมีการตรวจปลอดเชื้อโควิด-19 ทั้งจากประเทศต้นทางและเมื่อมาถึงประเทศไทย กำหนดให้ทีมติดตามด้านการแพทย์ สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63
ขณะที่กลุ่มผู้ที่ต้องการเข้ามารับการรักษาสุขภาพราว 30,000 คน สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63 หรือเมื่อมีความพร้อม ซึ่งคาดว่ามีพื้นที่เป้าหมายในกรุงเทพฯ ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ เชียงราย
ส่วนนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางตามโครงการ Travel Bubble ในรูปแบบของ Villa Quarantine จะสามารถดำเนินการได้ในวันที่ 1 ส.ค.63 และแบบผ่อนคลายมาตรการ State Quarantine ที่จะเริ่มได้เมื่อมีความพร้อม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 63)
Tags: COVID-19, ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน, ศบค., ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19, โควิด-19