สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อระงับการออกวีซ่าจ้างงานบางประเภทโดยมีผลจนถึงสิ้นปี 2563
คำสั่งประธานาธิบดีระบุว่า “แรงงานชั่วคราวมักเดินทางมาพร้อมกับคู่สมรสและบุตร พวกเขาหลายคนยังเข้ามาเป็นคู่แข่งกับแรงงานอเมริกันด้วย ซึ่งหากอยู่ในสถานการณ์ปกติ โปรแกรมแรงงานชั่วคราวที่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ในสถานการณ์ไม่ปกติที่เกิดเศรษฐกิจหดตัวอันเป็นผลมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 เช่นนี้ โปรแกรมวีซ่าชั่วคราวที่อนุมัติการจ้างงานลักษณะนี้ จึงกลายเป็นภัยต่อการจ้างงานของชาวอเมริกัน”
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวจะมีผลครอบคลุม H-1B ซึ่งเป็นวีซ่าสำหรับแรงงานทั่วไปและแรงงานทักษะสูงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี รวมถึง วีซ่า H-2B สำหรับแรงงานระยะสั้นตามฤดูกาล, วีซ่า H-4 สำหรับคู่สมรสของผู้ถือวีซ่า H-1B, วีซ่า L-1 สำหรับผู้บริหารที่ย้ายมาทำงานในสหรัฐโดยนายจ้างคนเดิม และวีซ่า J-1 สำหรับนักวิจัย นักวิชาการ และผู้อยู่ในหมวดหมู่พิเศษอื่นๆ แต่ไม่มีผลต่อผู้ถือวีซ่าที่อยู่ในสหรัฐอยู่แล้ว หรือผู้อยู่นอกสหรัฐที่ได้รับการออกวีซ่าอย่างถูกต้องแล้ว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐจะให้การยกเว้นสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพที่เน้นด้านการรักษาและวิจัยโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับผู้ที่ทำงานในห่วงโซ่อาหาร รวมถึงอาหารทะเลและบรรจุภัณฑ์อาหาร
ด้านภาคธุรกิจและบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐได้ออกมาเตือนว่า การดำเนินการครั้งนี้จะทำให้ความสามารถของบริษัทในการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถสูงเข้าสู่สหรัฐลดลง และทำให้พวกเขาสามารถดำเนินงานในต่างประเทศได้น้อยลง
นายโทมัส โดโนฮิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสภาหอการค้าแห่งสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า “การประกาศในวันนี้เป็นความพยายามที่เคร่งครัดและเหมารวมเกินไปในการจำกัดคนเข้าเมืองตามกฎหมาย เป็นการปิดป้าย ‘ไม่ต้อนรับ’ สำหรับวิศวกร ผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที แพทย์ พยาบาล และคนงานอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ประเทศของเราล้าหลัง การเปลี่ยนแปลงระบบตรวจคนเข้าเมืองของเราเช่นนี้ จะผลักดันการลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจนอกประเทศ และทำให้สหรัฐมีอัตราการเติบโตที่ช้าลงและการสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่ลดลง”
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐในการสนับสนุนกลุ่มที่มีความคิดหนักแน่นเกี่ยวกับแรงงานอพยพ ซึ่งเป็นฐานคะแนนเสียงสำคัญของปธน.ทรัมป์ ที่โต้แย้งว่าแรงงานอเมริกันควรได้รับการให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 63)
Tags: วีซ่า, แรงงาน, โดนัลด์ ทรัมป์, โทมัส โดโนฮิว