ดาวโจนส์ปิดลบ 39.51 จุด ผิดหวังตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงเกินคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่สูงเกินคาด รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและจีน อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธุรกิจสินค้าผู้บริโภค

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,080.10 จุด ลดลง 39.51 จุด หรือ -0.15%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,115.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.85 จุด หรือ +0.06%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,943.05 จุด เพิ่มขึ้น 32.52 จุด หรือ +0.33%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.5 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.3 ล้านราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 13 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และได้เปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ไวรัสโควิด-19 อาจกลับมาแพร่ระบาดรอบสอง หลังจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในสหรัฐและจีน โดยข้อมูลจาก Worldometer ระบุว่า ยอดติดเชื้อในสหรัฐพุ่งทะลุ 2,200,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 120,000 ราย ส่งผลให้สหรัฐกลายเป็นประเทศที่มียอดติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก

ส่วนที่จีนนั้น มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกรุงปักกิ่ง ซึ่งทำให้กรุงปักกิ่งประกาศยกระดับเตือนภัยฉุกเฉินจากระดับ 3 สู่ระดับ 2 อีกทั้งสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่ง และล่าสุดกรุงปักกิ่งได้ประกาศมาตรการควบคุมการเดินทางของคนกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ที่เคยไปเยือนตลาดค้าส่งซินฟาตี้

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ได้ฉุดหุ้นกลุ่มที่เคยเป็นความหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งได้แก่หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มค้าปลีก โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.89% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.32% หุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลง 1.11% หุ้นโฮม ดีโปท์ ลดลง 0.67% หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ลดลง 0.9%

หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 1.41% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่ทางบริษัทคาดว่า ยอดจองการเดินทางด้วยเรือสำราญจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า

อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าผู้บริโภค โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 0.64% หุ้นเชฟรอน บวก 0.44% หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) พุ่งขึ้น 1.14 % หุ้นเป๊ปซี่โค บวก 0.77% หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ เพิ่มขึ้น 0.84% หุ้นโคคา-โคลา เพิ่มขึ้น 0.9%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 27.5 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ -43.1 ในเดือนพ.ค. หลังจากทรุดตัวลงแตะ -56.6 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2523 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ดีดตัวขึ้น 2.8% สู่ระดับ 99.8 ในเดือนพ.ค. หลังจากดิ่งลง 6.1% ในเดือนเม.ย. และร่วงลง 7.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดในรอบ 60 ปีที่มีการรายงานตัวเลขดังกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มิ.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top