หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า 9 รัฐในสหรัฐซึ่งได้แก่ แอละแบมา แอริโซนา ฟลอริดา เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา โอกลาโฮมา โอเรกอน เซาท์แคโรไลนา และเท็กซัส มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หรือทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 วัน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า สหรัฐอาจเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่
รายงานระบุว่า ในวันอังคารที่ 16 มิ.ย. รัฐทั้ง 9 แห่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อวันเดียวที่ระดับสูงสุดใหม่ หรือทำสถิติสูงสุดโดยเฉลี่ยในรอบ 7 วัน และแนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงวันพุธที่ 17 มิ.ย.ในบางรัฐ โดยรัฐโอกลาโฮมามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเดียวพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 7 วัน
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า ณ ช่วงเย็นของวันพุธที่ 17 มิ.ย. ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2,157,000 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 117,000 ราย
แบบจำลองของสถาบันชี้วัดและประเมินสุขภาพ (IHME) ในสังกัดมหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐ บ่งชี้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตกว่า 200,000 รายภายในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในหลายรัฐพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ทั้งนี้ แบบจำลองดังกล่าวบ่งชี้ว่า ชาวอเมริกันจะเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 จำนวน 171,000-270,000 ราย โดยมีแนวโน้มมากที่สุดที่ระดับ 201,129 ราย
นอกจากนี้ คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันจะเพิ่มขึ้นอีกในเดือนก.ย. หลังจากแตะระดับสูงสุดในเดือนมิ.ย. และคาดว่า โรงพยาบาลต่างๆ จะมีความต้องการเตียงและเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 63)
Tags: COVID-19, จอห์น ฮอปกินส์, แคลิฟอร์เนีย, โควิด-19, โอกลาโฮมา