นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว แม้การผลิตมีแนวโน้มปรับตัวลง หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ตกลงขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปถึงเดือน ก.ค. 63 และเพิ่มความเข้มงวดให้สมาชิกในการปรับลดการผลิต อย่างไรก็ตามมีปัจจัยกดดันจากผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ จะเพิ่มกำลังการผลิตหลังราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวสูงขึ้น
รวมทั้งปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง สัปดาห์ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น 5.7 ล้านบาร์เรล ความกังวลว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 จะกลับมาระบาดรอบ 2 จากการที่องค์การอนามัยโลก ออกมาแถลงเหตุการณ์พบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง หลังพบผู้ติดเชื้อเกิน 100 ราย และการมีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯที่พุ่งสูงมากขึ้นในกว่า 20 รัฐ
ส่วนปริมาณการใช้ไบโอดีเซล (B100) ของไทย ได้เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. 6.75% มาอยู่ที่ 5.52 ล้านลิตรต่อวัน
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ช่วงวันที่ 8-14 มิ.ย.63 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 40.73 และ 37.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.46 และ 0.57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดเชื่อมั่นว่าการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ค. 63 ของโอเปกพลัสจะช่วยชดเชยอุปสงค์น้ำมันที่หายไป ส่งผลให้ตลาดน้ำมันเข้าสู่สมดุลได้เร็วขึ้น
ด้านราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเซีย ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 และ 92 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 45.07 และ 42.45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.90 และ 3.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยความต้องการใช้น้ำมันในจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 46.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยอุปสงค์น้ำมันดีเซลในมาเลเซีย เมียนมา และเวียดนาม ปรับตัวดีขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง ส่วนอุปทานน้ำมันดีเซลลดลง เนื่องจากโรงกลั่นหลายอยู่ในช่วงลดกำลังการผลิตหรือปิดซ่อมบำรุงประจำปี
ด้านค่าเงินบาทของไทย แข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.40 บาท/เหรียญสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 31.3898 บาท/เหรียญสหรัฐฯ (ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.47 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.46 บาท/ลิตร) ทำให้ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.29 บาท/ลิตร และค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.61 บาท/ลิตร
ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 14 มิ.ย. 63 กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 56,802 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 22,438 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 34,364 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน 40,735 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) -6,371 ล้านบาท
สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ ช่วงวันที่ 15-21 มิ.ย. 63 ราคาไบโอดีเซล (B100) อ้างอิงเฉลี่ย (วันที่ 15-21 มิ.ย. 63) อยู่ที่ 25.74 บาทต่อลิตร ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.19 บาทต่อลิตร ส่วนราคาผลปาล์มน้ำมัน (วันที่ 8-12 มิ.ย. 63) อยู่ที่ 3.10-3.30 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 21.62-21.87 บาทต่อกิโลกรัม โดยปริมาณการผลิตไบโอดีเซล (วันที่ 1-8 มิ.ย. 63) อยู่ที่ 4.74 ล้านลิตรวัน ลดลงจากเดือน พ.ค. 5.58% และปริมาณการใช้ไบโอดีเซล อยู่ที่ 5.52 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค. 6.75% ความต้องการใช้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันปาล์มในภาคพลังงานเพิ่มขึ้น
ราคาเอทานอลอ้างอิง เดือน มิ.ย. 63 อยู่ที่ 23.28 บาทต่อลิตร ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน พ.ค. จากการผ่อนคลายมาตรการการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าส่งผลให้มีการใช้รถยนต์เพิ่มมากขึ้น และจะทำให้การใช้เอทานอลปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยอยู่ระหว่างการประเมินปริมาณการใช้ของเดือน พ.ค. 63
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 63)
Tags: ราคาน้ำมัน, วัฒนพงษ์ คุโรวาท, สนพ., เอทานอล, โอเปก, ไบโอดีเซล