สธ.ห่วงการเว้นระยะห่างเริ่มลดหลังผ่อนปรนต่อเนื่องเน้นย้ำอย่าการ์ดตก

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ เรื่อง การปฏิบัติตามแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) กรมอนามัย พบว่า หลังจากเปิดกิจการมากขึ้น ทำให้การเว้นระยะห่างทำได้ยากขึ้นหรือจำนวนคนที่ออกจากบ้านไปที่ต่างๆ มากขึ้น

นอกเหนือจากนั้นยังทำได้ค่อนข้างดี เช่น การเลี่ยงการใช้พื้นที่ขนส่งสาธารณะ การดูแลตัวเอง ไม่ว่าการสวมหน้ากาก การควบคุมและสังเกตอาการว่าหากมีอาการไข้ ไอ จาม ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะฉะนั้นหากสามารถเดินหน้าเรื่องการเว้นระยะห่างได้อย่างเข้าใจ คงจะทำให้เราควบคุมสถานการณ์หลังการผ่อนปรนได้มากยิ่งขึ้น

“หลายประเทศหลังผ่อนปรนจะมีการติดเชื้อรายใหม่ อย่างปักกิ่งกลับมาประกาศภาวะฉุกเฉินเพราะพบผู้ป่วยมากขึ้น ดังนั้นเราต้องมาดูเรื่องการ์ดของคนไทยเมื่อมีการผ่อนปรนเฟส 4 สัปดาห์นี้น่าสนใจมากว่ากราฟ ดีขึ้นเกือบทุกด้าน เช่น การสวมหน้ากากกลับมาที่ 91% จากที่ลดลงไปอยู่ที่ 90% และเคยทำสูงสุดที่ 92% แต่อยากให้สวมหน้ากากมากกว่านี้เมื่อไปที่สาธารณะ คู่กับการเว้นระยะห่าง การล้างมือ การไม่สัมผัสหน้าตัวเอง ก็หวังว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีก”

พญ.พรรณพิมล กล่าว

สำหรับตลาดสดที่ประเทศไทยเปิดไปตั้งแต่การผ่อนปรนในเฟสที่ 1 นั้น ต้องย้ำ 12 มาตรการควบคุมป้องกันโรค คือ

  1. มีจุดคัดกรองและล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
  2. ผู้ขายสวมผ้ากันเปื้อน หมวกคลุมผม และสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
  3. อาหารปรุงสำเร็จ มีการปกปิดและใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหารทุกครั้ง
  4. เว้นระยห่างระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย 1-2 เมตร
  5. หากมีอาการเจ็บป่วยให้หยุดปฏิบัติงานและไปพบแพทย์ทันที
  6. จัดบริการจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และจุดประชาสัมพันธ์ให้ความรู้
  7. ควรช้างแผงจำหน่ายอาหารสดและแผงเนื้อสัตว์ชำแหละทุกวัน
  8. ใช้น้ำสะอาดฉีดล้าง ทางเดิน ฝาผนังและกวาดล้างลงสู่ทางระบายน้ำเสียเพื่อชะล้างสิ่งสกปรก
  9. ล้างตลาดหลักสุขาภิบาลในกรณีที่มีการระยาดของโรคติดต่อ ควรมีการล้างตลาดตามหลักการสุขาภิบาลอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  10. ขยะต้องเก็บรวบรวมไปกำจัดให้หมดและล้างทำความสะอาด
  11. ให้ฆ่าเชื้อโรค (โดยใช้ผงผูนคลอรีน 60% ความเข้มข้น 100 ppm ในอัตราส่วน 1 ช้อนชาต่อน้ำ 20 ลิตร) ใส่ฝักบัวรดน้ำเป็นประจำทุกวัน
  12. ห้องน้ำ ห้องส้วม อ่างล้างมือ ที่ปัสสาวะหรือจุดสัมผัสที่ใช้ร่วมกัน ต้องทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาทำความสะอาด หรือผงซักฟอก รวมถึงสารฆ่าเชื้อโรค

พญ.พรรณพิมล กล่าวถึงกิจการบ้านบอลที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดว่า เข้าใจว่าจะอยู่ในระยะถัดไปเมื่อมั่นใจว่าควบคุมการระบาดได้ดี และเมื่อให้การเปิดแล้วก็จะต้องจัดระบบคัดกรองที่ดี เพราะถ้าคัดกรองไม่ดี ไม่มีการแยกเด็กไม่สบาย เมื่อมีน้ำมูกน้ำลาย ก็ถือว่าเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการคัดกรองสำคัญมาก และจะต้องทำความสะอาดบ่อยๆ

ส่วนเรื่องการเปิดสวนสนุกนั้นเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงด้วยตัวของกิจกรรมเอง จัดการยาก แต่ที่มีการพูดคุยผู้ประกอบการสวนสนุกคือให้มีการเช็คอินทางเข้า ส่วนจะถึงขั้นต้องเช็คอินแต่ละจุดเครื่องเล่นหรือไม่นั้น คงต้องมีการคุยกันก่อน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคือจะมีการจัดระยะห่างการเล่นเครื่องเล่น เพราะคงห้ามคนตะโกน พูดคุย หรืออื่นๆ ดังนั้น การสวมหน้ากากอนามัยหน้ากากผ้า จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

ขณะที่ห้างสรรพสินค้าจะเปิด-ปิดได้ตามเวลาปกติหรือไม่เมื่อมีการเลิกเคอร์ฟิวแล้วนั้น ต้องสอบถามความชัดเจนที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เพราะคำสั่งให้ปิดทำการเวลา 21.00 น.นั้นเป็นการออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ

ด้านนพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 ว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ผ่อนปรนกิจการ/กิจกรรมที่อยู่ในกลุ่มสีแดงซึ่งมีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง

ทั้งนี้ การเปิดเมือง-เปิดกิจการอย่างปลอดภัยจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศและรายจังหวัดดีขึ้น, กิจการนั้นมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคมากน้อยแค่ไหน โดยให้พิจารณาความเสี่ยงต่ำที่สุดก่อน เช่น มีการรวมคน/ชุมนุมของคนมากหรือน้อย, มีระยะเวลาสัมผัส อยู่ใกล้กัน ใช้บริการเป็นอย่างไร ไม่เกิน 1 ชั่วโมง หรือเกินกว่า 1 ชั่วโมง, มีการจัดสถานที่ให้มีการถ่ายเทอากาศสะดวกดีหรือไม่, สามารถจัดให้มีมาตรการป้องกันควบคุมโรค มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม มาตรการการทำความสะอาดดีเพียงไร และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันมากหรือน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ยังมีกิจการ/กิจกรรมในกลุ่มสีแดงบางประเภทที่ยังไม่สามารถเปิดได้ในระยะที่ 4 แต่อาจจะเปิดในระยะที่ 5

“โดยสรุป คือสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นเรื่อยๆ การผ่อนปรนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ค่อยๆ เปิดกิจกรรมจากระยะที่ 1 มาถึงวันนี้ระยะที่ 4 และจะเปิดประเทศในช่วงข้างหน้า ถ้าความเสี่ยงในภาวะที่เราควบคุมได้ เราอาจจะเริ่มพูดคุยการส่งเสริมการท่องเที่ยวกับประเทศที่สามารถควบคุมโควิด-19 ได้ดีแล้วเหมือนประเทศไทยตามแนวทาง travel bubble

ขณะเดียวกัน ประชาชนทุกคนต้องตระหนักว่าโรคโควิด-19 รอบโลกสถานการณ์ยังไม่ดี ตัวเลขผู้ป่วยใกล้ๆ 8 ล้านคนแล้ว เสียชีวิตมากกว่า 4 แสนคนขณะนี้ (ร้อยละ 5.5), ประชาชนจะต้องการ์ดไม่ตก การ์ดตกแล้วยกการ์ดขึ้นมาใหม่ หรือยกการ์ดให้สูง และถือว่าการใส่หน้าการอนามัย/หน้ากากผ้าเป็นเรื่องจำเป็น เป็นปัจจัยที่ 6 ใส่ให้ได้ 100% ยิ่งดี ที่ขาดไม่ได้ คือทำร่วมกับการล้างมือบ่อยๆ และการเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร เมื่อไปในที่ชุมชน

นอกจากนี้เวลาไปสถานที่ หรือกิจการต่างๆ ขอให้เช็คอิน QR Code ไทยชนะ และเช็คเอาท์ เมื่อออก…ประเทศไทยจะได้ปลอดภัยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการระบาดระลอกที่ 2 เช่นหลายๆ ประเทศ..ถ้าประชาชนการ์ดไม่ตก ยกการ์ดสูง ประเทศไทยก็น่าจะผ่านพ้นการระบาดระลอกใหม่”

นพ.อนุพงศ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 63)

Tags: , , , , , , , , , , , ,
Back to Top