เจย์ บัตเลอร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายโรคติดเชื้อของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เปิดเผยในวันศุกร์ (12 มิ.ย.) ว่า รัฐต่างๆ ของสหรัฐอาจจำเป็นต้องกลับมาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดอีกครั้ง หากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างมาก
นายบัตเลอร์เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า “ขณะนี้ชุมชนต่างๆ กำลังเผชิญกับระดับการแพร่ระบาดที่แตกต่างกัน เนื่องจากพวกเขาค่อยๆ ผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมการแพร่ระบาด และเปิดดำเนินการด้านเศรษฐกิจอีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
“หากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก็อาจจำเป็นจะต้องกลับไปใช้มาตรการควบคุมเพื่อลดการแพร่ระบาดเหมือนในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาอีกครั้ง”
นายบัตเลอร์กล่าวว่า แต่ละรัฐจะตัดสินใจกันเองในการที่จะกลับไปใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในชุมชน
“การแพร่ระบาดยังไม่จบ และต้องตระหนักว่า โรคโควิด-19 ยังคงอยู่ในทุกๆ ที่” เขากล่าวเสริม
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขวิตกว่า บางรัฐเปิดเศรษฐกิจเร็วเกินไป แต่ก็จำเป็นต้องลดความยากลำบากทางเศรษฐกิจลง เนื่องจากการว่างงานในสหรัฐพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้บรรดาผู้นำรัฐต้องอนุญาตให้ประชาชนกลับไปทำงาน
รัฐเท็กซัสเป็นรัฐแรกๆ ที่ผ่อนคลายมาตรการสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้าน โดยยกเลิกมาตรการดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ในสัปดาห์นี้ ทางรัฐได้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ระดับสูงสุดใหม่ และมีจำนวนผู้ป่วยโควิดเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลทำลายสถิติสูงสุดด้วยเช่นกัน
Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกนั้น ล่าสุดระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,115,319 ราย และมีผู้เสียชีวิต 116,792 ราย โดยสหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 63)
Tags: COVID-19, Worldometer, ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ, เจย์ บัตเลอร์, โควิด-19