เมอร์เซอร์ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ของสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจค่าครองชีพประจำปีบ่งชี้ว่า ฮ่องกงยังคงรั้งอันดับ 1 เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่กรุงเทพมหานครของไทย ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 35 ในปีนี้ จากอันดับ 40 ในปีที่แล้ว
กรุงอาชกาบัต (Ashgabat) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเติร์กเมนิสถานนั้น มีค่าครองชีพแพงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก พุ่งขึ้นจากอันดับ 7 ในปีที่ผ่านมา ขณะที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่นตามมาเป็นอันดับ 3 โดยถูกเบียดตกจากอันดับ 2 ของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ เมอร์เซอร์ซึ่งทำการจัดอันดับค่าครองชีพของเมืองต่างๆ จำนวน 209 แห่งทั่วโลกในปีนี้ระบุว่า เมืองซูริคของสวิตเซอร์แลนด์มีค่าครองชีพแพงสุดเป็นอันดับ 4 ไต่ขึ้นจากอันดับ 5 ในปีก่อน ตามมาด้วยสิงคโปร์ที่อันดับ 5 ลดลงจากอันดับ 3 ในปีก่อน และนิวยอร์กซิตี้ตามมาที่อันดับ 6 โดยไต่ขึ้นจากอันดับ 9 ในปีก่อน
ส่วนอีก 4 เมืองที่ติดอันดับท็อปเทนได้แก่ เซี่ยงไฮ้ของจีนอยู่ที่อันดับ 7, เบอร์ลินของเยอรมนีอยู่ที่อันดับ 8, เจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์อยู่ที่อันดับ 9 และปักกิ่งของจีนอยู่ที่อันดับ 10
สำหรับเมืองที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดในผลสำรวจดังกล่าวได้แก่ เมืองตูนิสในประเทศตูนิเซียซึ่งรั้งท้ายสุดที่อันดับ 209 และรองลงมาได้แก่ เมืองวินด์ฮุกของสาธารณรัฐนามิเบียซึ่งอยู่ที่อันดับ 208
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 63)
Tags: กรุงเทพมหานคร, ค่าครองชีพ, ท่องเที่ยว, เมอร์เซอร์