นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ตลาดทองคำมีแนวโน้มจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์เฟส 3
ขณะที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทยเกี่ยวกับการซื้อทองคำ ไปสู่การซื้อทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้น เกิดความต้องการจัดส่งทองคำแบบดิลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้านก็พุ่งสูงขึ้น ซึ่งถือเป็น New Normal ของวงการทองคำ แต่ทองคำนับเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทำให้คนไทยบางส่วนจึงยังนิยมไปเลือกซื้อ หรือ ขายทองคำที่ร้านทองด้วยตนเอง ดังนั้น จึงมั่นใจว่าภาพรวมการซื้อ-ขายทองคำจะคึกคักขึ้นทั้งในแง่ของออนไลน์และออฟไลน์ ควบคู่กันไป
นอกจากนี้ในช่วงที่ทั่วโลกทำการล็อกดาวน์ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ส่งผลให้การขนส่งและการซื้อขายทองคำได้รับผลกระทบ จึงทำให้ส่วนต่างราคาซื้อ-ขายทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นสูงเป็น 300 บาทต่อบาททองคำ จึงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับนักลงทุนระยะสั้น (Day Trade) ที่ต้องรอการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำนานยิ่งขึ้นจึงจะสามารถขายทำกำไรได้ ซึ่งการถือนานขึ้นย่อมจะส่งผลต่อการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนไปด้วย
ดังนั้น เมื่อส่วนต่างราคาซื้อขายกลับมาเป็นปกติที่ราว 100 บาทต่อบาททองคำ จึงมีแนวโน้มจะดึงดูดนักลงทุนทองคำประเภท Day Trade ให้กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง ทำให้คาดว่าปริมาณการซื้อขายทองคำเพื่อการลงทุนอาจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ทองคำมีกรอบการแกว่งตัวกว้างขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่นักลงทุนสามารถเข้ามาทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้
อย่างไรก็ดี ในส่วนของปัจจัยพื้นฐานนั้น แม้ยังมีปัจจัยที่หนุนราคาทองคำในระยะยาวยังคงอยู่ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการคลังทั่วโลก ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ รวมถึงปัจจัยระยะสั้นอย่างเหตุจลาจลในสหรัฐฯ แต่ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะนี้ ท่ามกลางความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะพลิกฟื้นหลังจากทั่วโลกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งเป็นปัจจัยกดดันให้ทองคำถูกแรงขายทำกำไรสลับออกมาเป็นระยะ จะเห็นได้ว่าเมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้บริเวณระดับสูงสุดของปีนี้ มักจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาทุกครั้ง
ดังนั้น YLG จึงยังคงแนะนำให้นักลงทุนแบ่งทองคำออกขายทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้ระดับสูงสุดของปีนี้ บริเวณ 1,765-1,739 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 26,450-26,050 บาทต่อบาททองคำ หากผ่านได้ค่อยถือต่อไปรอขายบริเวณแนวต้านโซน 1,788-1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 26,800-27,900 บาท ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของช่วงเดือน ก.พ. ,ก.ย. และ ต.ค. 2555
ขณะที่การเข้าซื้อ อาจรอราคามีการปรับตัวลดลงและไม่หลุดแนวรับ เบื้องต้นคาดการณ์แนวรับแรกบริเวณ 1,690-1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 25,300-25,150 บาทต่อบาททองคำ (ราคาไทยคำนวณจากค่าเงินบาท ณ ระดับ 31.60 บาท/ดอลลาร์) โดยนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการไล่ซื้อพร้อมกำหนดจุดตัดขาดทุนประกอบการลงทุนทุกครั้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มิ.ย. 63)
Tags: ทองคำ, พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์, ราคาทอง, วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล