- ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.30 น.)
- ผู้ติดเชื้อสะสม 3,084 คน (+1)
- เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ = 0 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศกักตัวใน State Quarantine = 1 ราย
- รักษาหายแล้ว 2,968 คน (+2)
- ผู้ป่วยรักษาอยู่โรงพยาบาล คน (58)
- เสียชีวิตสะสม 58 คน (+0)
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย จาก State Quarantine ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย โดยผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,084 ราย ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 2 ราย ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยรักษาหายแล้วรวม 2,968 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 58 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมที่ 58 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ เป็นนักศึกษาชายไทยอายุ 26 ปี เดินทางกลับจากรุงริยาดห์ ซาอุดีอาระเบีย มายังกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยทางด่านปาดังเบซาร์ โดยรถบัส มาถึงไทยเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ผลตรวจครั้งที่ 1 ไม่พบเชื้อ และเข้าพักใน State Quarantine จ.ปัตตานี และได้ตรวจครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 พ.ค. พบเชื้อ แต่ผู้ป่วยไม่มีอาการป่วย ซึ่งปัจจุบันเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจ.ปัตตานี
“วันนี้เราพบผู้ติดเชื้อ 1 รายที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ หมายความว่าจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจริง ๆ คือ 0 ราย ทำให้ภาพรวมของประเทศไทยในวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,084 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ 147 ราย และติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย”
พญ.พรรณประภา กล่าว
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ภาพรวมของสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง เมื่อจำแนกตามการรักษายังคงพบมากที่สุดในกรุงเทพมหานคร และนนทบุรี ตามด้วยภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยอยู่ที่ 39 ปี โดยจังหวัดที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากที่สุด 3 จังหวัดแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และนนทบุรี
สำหรับสถานการณ์ในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ตั้งแต่เดือนก.พ. ถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้น 147 ราย เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 39 ปี โดยประเทศต้นทางที่ผู้ป่วยคนไทยเดินทางกลับมามากสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อินโดนีเซีย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต ปากีสถาน และคาซัคสถาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ระยะแรกที่มีการระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่มีการติดเชื้อมากสุด คือ การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า ,อาชีพเสี่ยง ,สนามมวย ,คนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ,สถานบันเทิง และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักใน State Quarantine แต่ในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด พบว่าปัจจัยเสี่ยงมาจากผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักใน State Quarantine รองลงมาเป็นผู้ป่วยที่ไปในสถานที่ชุมชน และผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกวันนี้ พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 6,485,571 ราย เพิ่มขึ้น 119,374 ราย มีผู้ป่วยเสียชีวิต 382,412 ราย เพิ่มขึ้น 4,975 ราย โดยประเทศที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล และรัสเซีย ส่วนสถานการณ์ฝั่งเอเชีย ประเทศอินเดียยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากที่สุด และมีผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด ขณะที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ในอันดับที่ 79 ของโลก
พญ.พรรณประภา กล่าวย้ำว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดที่สกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ประชาชนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยและต้องเว้นระยะห่างทางสังคม เมื่อเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ ขณะที่การสวมหน้ากากอนามัย ยังทำให้สถิติการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในไทย ซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่นของประเทศลดลงอย่างมาก ทำให้เห็นว่าการสวมหน้ากากอนามัยจะช่วยป้องกันทั้งเชื้อโควิด-19 และเชื้อไข้หวัดใหญ่ด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มิ.ย. 63)
Tags: COVID-19, พรรณประภา ยงค์ตระกูล, ศบค., โควิด-19