นายพสุ เตชะรินทร์ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในหัวข้อ”เรียนรู้แนวทางการดูแลคน และการปรับตัวเพื่อรับมือสถานการณ์โควิด”ภายใต้เสวนา CEO TALK พลิกวิกฤติว่า สถานการณ์โควิดก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาก หลังจากปลายปีที่แล้วธุรกิจเพิ่งวางแผนรับมือกับสงครามการค้าสหรัฐกับจีน แต่ขณะนี้ต้องมาเผชิญกับสถานการณ์โควิดที่มาเร็วมาก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างจากวิกฤติที่เคยผ่านมา เพราะส่งผลกระทบไปทั่วโลกและยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด อีกทั้งนำไปสู่การใช้วิถีชีวิตใหม่ (New Normal)
ทั้งนี้ หลายธุรกิจตั้งสมมติฐานหลากหลาย และมีการคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจออกไปหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่มองว่าจะฟื้นตัวในลักษณะ L shape หรือ U shape ซึ่งแต่ละธุรกิจพยายามแก้ไขปัญหาระยะสั้นมากกว่ามามองการแก้ปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องกระแสเงินสด ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์โควิดไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาระยะสั้น แต่ระยะยาวธุรกิจจะทำอย่างไรต่อไป ดังนั้น เรื่องสำคัญคือจะต้องสร้างสมดุลทั้งระยะสั้นและระยะยาว
นายพสุ กล่าวว่า วิกฤติโควิดสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่กลับเป็นวิกฤติรุนแรงต่อบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเฉพาะความท้าทายว่าทำอย่างไรให้คงสถานภาพการจ้างงานไว้ได้
“โควิดเป็นตัวเร่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง…ผมมองว่าสถานการณ์โควิดเป็นโอกาสทบทวนตัวเองจะทำอะไรต่อในอนาคต บทบาทกรรมการทำอย่างไร เป็นโอกาสอันดีคิดว่าคิดทบทวนบทบาท ในช่วงนี้ที่อยู่นิ่งขณะนี้ว่าตัวเองต้องเรียนรู้อะไรใหม่บ้าง สถานการณ์โควิดทำให้เรียนรู้หลายมุมมองได้”
นายพสุ กล่าว
นายพสุ กล่าวว่า การเรียนรู้ผ่านออนไลน์ในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความจำเป็นมาเร็วกว่าที่คิดไว้ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด และเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายก็เห็นว่าน่าจะสามารถนำมาผสมผสานกับการเรียนปัจจุบัน ขณะเดียวกันที่ตนเองมีบทบาทเป็นกรรมการบริษัทจดทะเบียนก็จะเป็นตัวกลางถ่ายทอดภาพธุรกิจที่เผชิญปัญหา เพื่อให้คำแนะนำว่าจะรับตัวอย่างไรเพื่อสร้างบุคคลากรที่สามารถเข้าทำงานได้ทันทีตามที่ธุรกิจต้องการ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 63)
Tags: New Normal, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พสุ เตชะรินทร์, เศรษฐกิจไทย, โควิด-19