คงแผนเปิดโครงการแนวราบ แต่อาจปรับแผนเปิดคอนโดฯ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า หลังจากสิ้นไตรมาส 2/63 บริษัทจะพิจารณาทบทวนเป้าหมายยอดขายและรายได้ในปี 63 จากเดิมที่บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท
เนื่องจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาพรวมจากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี 63 เปลี่ยนแปลง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 กระทบต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อ พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป และกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทุกรายเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น
“สิ่งที่เราคาดการณ์ไว้ช่วงต้นปีก่อนโควิด-19 มาถึงตอนนี้ภาพก็ได้เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าตอนนี้จะเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาเหมือนภาวะปกติได้ และก็เป็นการค่อย ๆ ปรับสู่ภาวะปกติ ความท้าทายที่เกิดขึ้นก็แตกต่างกันในแต่ละปี โดยเฉพาะปีนี้ที่ถือว่าการทำธุรกิจไม่ง่าย ทำให้เป้าหมายที่เคยตั้งไว้จะต้องกลับมาทบทวนอีกที เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และก็ดูว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มกลับมาเป็นปกติได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนในครึ่งปีหลังก็จะมีโอน Backlog อีก 9.5 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมด 3.9 หมื่นล้านบาท”นายไตรเตชะ กล่าว
นายไตรเตชะ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามบริษัทถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ทำให้บริษัทมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีความสามารถในการช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาได้ออกมาตรการพักการผ่อนชำระให้ลูกค้าที่ผ่อนดาวน์โครงการของบริษัทอยู่เป็นระยะเวลา 3 งวด รวมถึงการดูแลพนักงาน และผู้รับเหมาในด้านสุขอนามัย และจ่ายเงินที่ตรงต่อเวลา ทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัททุกคนเกิดความเชื่อมั่นในภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นครั้งนี้
ด้านแผนการเปิดโครงการของบริษัทในปีนี้ในส่วนของโครงการแนวราบยังคงแผนการเปิด 25 โครงการ มูลค่า 1.92 หมื่นล้านบาทตามเดิม เพราะมั่นใจว่าการขายโครงการแนวราบยังสามารถทำผลงานได้อย่างดี เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่ลูกค้ามีความต้องการซื้อมากในปัจจุบัน เนื่องจากพฤติกรรมการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป ลูกค้าต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และมองถึงความคุ้มค่าในระยะยาวของสินค้าที่ซื้อ ทำให้โครงการแนวราบเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุดในช่วงเวลานี้
โดยในช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อัตราการเข้าเยี่ยมชมโครงการแนวราบของบริษัทเพิ่มขึ้นมาเกือบ 100% หลังจากที่ชะลอตัวไปในช่วงปลายเดือนมี.ค. และทั้งเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของภาครัฐ ซึ่งบริษัทได้ปรับการขายผ่านช่องทางออนไลน์แทน แต่เมื่อเริ่มมีการผ่อนคลาย และจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลง ลูกค้าเริ่มกลับมาขอดูโครงการ เพื่อตัดสินใจซื้อโครงการแนวราบ ทำให้อัตราการเยี่ยมชมกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้
ขณะที่แผนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ที่วางแผนเปิด 5 โครงการ มูลค่า 1.08 หมื่นล้านบาท บริษัทจะขอพิจารณาและประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังอีกครั้งว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร เพราะปัจจุบันเป็นช่วงแรกของการเริ่มผ่อนคลาย และยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ในรอบที่ 2 ทำให้การวางแผนเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ต้องระมัดระวัง ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเหลือคอนโดมิเนียมใหม่ตามแผนที่จะเปิดอีก 4 โครงการ มูลค่ารวม 8.7 พันล้านบาท หลังจากที่ไตรมาส 1/63 ได้เปิดคอนโดมิเนียมโครงการ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท จรัญฯ 91 มูลค่า 2.1 พันล้านบาทไปแล้ว ซึ่งหากสถานการณ์ยังมีความเสี่ยงอยู่มาก บริษัทจะพิจารณาเลื่อนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมที่เหลือบางโครงการหรือทั้งหมดไปในปี 64 แทน
ส่วนภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังคงมีความท้าทายค่อนข้างมากหลังจากโควิด-19 เริ่มรุนแรงขึ้น โดยตลาดที่โดนกระทบมากที่สุด คือ ตลาดคอนโดมิเนียมที่หดตัวลงอย่างมาก และซัพพลายในตลาดยังมีอยู่มาก แต่ถือว่าในช่วงนี้ที่มีการจัดโปรโมชั่นระบายสต็อกออกมา ทำให้ซัพพลายคอนโดมิเนียมลดลงไปบ้างเล็กน้อย และการที่ผู้ประกอบการชะลอการเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ ทำให้การเปิดคอนโดมิเนียมลดลงไป 50% ส่งผลให้ซัพพลายคอนโดมิเนียมเริ่มลดลง แต่ในช่วง 1-2 ปีนี้ถือว่าเป็นช่วงของการพักฐานของตลาดคอนโดมิเนียม
สำหรับโครงการแนวราบซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีความคึกคัก จากความต้องการซื้อของลูกค้าที่ยังมองหาที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ แลความต้องการพื้นที่ใช้สอยในการอยู่อาศัยมากขึ้น ทำให้โครงการแนวราบที่ผู้ประกอบการต่าง ๆ เปิดมาในช่วงไตรมาส 1/63 และช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี และเป็นสินค้าที่สร้างผลงานให้กับผู้ประกอบการทุกราย ทำให้ตลาดแนวราบมีการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่ในแง่ของซัพพลายถือว่ายังอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับความต้องการซื้อในตลาด และการเปิดโครงการแนวราบในช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่กลับลดลงไป 20-30% เพราะผู้ประกอบการต่างรอดูสถานการณ์ในระยะต่อไป ทำให้ตลาดแนวราบยังถือว่ามีศักยภาพ
“ยังมองว่าตลาดอสังหาฯยังน่าสนใจอยู่ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของลูกค้าที่จะสามารถหาซื้อที่อยู่อาศัยได้ในราคาที่คุ้มค่า และมีโปรโมชั่นดีๆจากผู้ประกอบการ ซึ่งเวลานี้ทุก Developer ต่างมีแคมเปญดีๆออกมา เพื่อทำให้ยังสามารถมีรายได้เข้ามา และไม่โดนกระทบมาก เพราะวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้ทุกคนก็ต่างโดนผลกระทบกันหมด”นายไตรเตชะ กล่าว
ล่าสุดบริษัทได้เปิดโครงการ ศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4 บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการกว่า 2.1 พันล้านบาท ติดถนนรังสิต-นครนายก บนพื้นที่โครงการกว่า 92 ไร่ จำนวน 375 แปลง ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ พื้นที่กว้าง หลากหลายถึง 6 แบบบ้าน ให้ความสุขในทุกพื้นที่ มอบสัมผัสความอบอุ่นในทุกกิจกรรมสำหรับ ทุกคนในครอบครัว พื้นที่ใช้สอยเริ่ม 175-318 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.44 ล้านบาท เริ่มเปิดขายวันที่ 23-24 พ.ค.นี้ ณ สำนักงานขาย พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 63)
Tags: SPALI, ผลกระทบ, ศุภาลัย, ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม