มั่นใจ 3 โครงการทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนปี 63-65
นายกัมปนาท บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะสั้นของบริษัทบ้าง ได้แก่ การสั่งการผลิตไฟฟ้า (Dispatch) น้อยลง ซึ่งแปรผันตามความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในประเทศที่ลดลง และการเลื่อนแผนการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าบางแห่งในต่างประเทศออกไปเป็นช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการเดินทางและการขนส่งอุปกรณ์ซ่อมบำรุงต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการดำเนินงาน เอ็กโก กรุ๊ป ยังสามารถดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ตามแผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan : BCP) ที่ได้จัดทำทั้งสำหรับสำนักงานใหญ่และโรงไฟฟ้าต่างๆ ในกลุ่มเอ็กโก โดยมีการทบทวนแผน BCP ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่เสมอ และจนถึงปัจจุบัน โรงไฟฟ้า 28 แห่ง ในกลุ่มเอ็กโก ทั้งในและต่างประเทศ ยังคงเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้อย่างราบรื่น รวมถึงการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ และการลงทุนใหม่ มีความก้าวหน้าและเป็นไปตามแผนงาน
ทั้งนี้ ความสำเร็จที่สำคัญในช่วงไตรมาส 1/63 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ความก้าวหน้าในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง “กังดง” ในเกาหลีใต้ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 91.55% คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/63 โรงไฟฟ้าพลังน้ำ “น้ำเทิน 1” ใน สปป.ลาว ก่อสร้างคืบหน้า 69.23% คาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/65
นอกจากนี้ ยังมีโครงการธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง 1 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อสร้างคืบหน้า 31.32% คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4/64
ด้านการลงทุน เอ็กโก กรุ๊ป ได้ซื้อหุ้นในสัดส่วน 25% ในบริษัท หยุนหลิน โฮลดิ้ง จีเอ็มบีเอช จำกัด ซึ่งถือหุ้นทั้งหมดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล “หยุนหลิน” กำลังการผลิต 640 เมกะวัตต์ (MW) ในไต้หวัน โดยการซื้อขายหุ้นได้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.63 ซึ่งนับเป็นความสำเร็จในการขยายการลงทุนสู่พื้นที่ใหม่ในไต้หวันอย่างเป็นทางการ
สำหรับผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) จำนวน 2,357 ล้านบาท ลดลง 558 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 เนื่องจากผลประกอบการที่ลดลงของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เคซอน และไซยะบุรี
“เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงมุ่งมั่นขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจตามทิศทางการดำเนินงานที่ได้กำหนดไว้ ทั้งด้านการผลิตและให้บริการด้านพลังงาน ครอบคลุมการผลิตไฟฟ้า ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักและเป็นความเชี่ยวชาญ ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เช่น Smart Energy Solution เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในภาพรวม ตลอดจนเปิดกว้างเรื่องพื้นที่การลงทุนที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราจึงมั่นใจว่า เอ็กโก กรุ๊ป จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต”
นายกัมปนาท กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 63)
Tags: EGCO, กัมปนาท บำรุงกิจ, เอ็กโก กรุ๊ป, โรงไฟฟ้า