นายริชาร์ด หยู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำกลุ่มธุรกิจ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสิเนส กรุ๊ป เปิดเผยผ่านทางบัญชีวีแชทซึ่งเป็นแอปส่งข้อความของจีนว่า การที่รัฐบาลสหรัฐสั่งบริษัททั่วโลกแบนส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปให้กับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีนั้น มีจุดประสงค์เพื่อให้สหรัฐครองอำนาจด้านเทคโนโลยีของโลกต่อไป ไม่ได้มีเหตุผลด้านความมั่นคงอย่างที่อ้าง
ข้อความดังกล่าวระบุว่า “เหตุผลด้านความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น” โดยสหรัฐได้กีดกันหัวเว่ยเพราะกลัวว่าบริษัทจากจีนจะเข้ามาครองอำนาจทางเทคโนโลยีแทนบริษัทสหรัฐ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศกฎเกณฑ์ใหม่ในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นการส่งมอบเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกให้กับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของจีน โดยเพิ่มแรงกดดันต่อหัวเว่ยซึ่งถูกขึ้นบัญชีดำอยู่แล้วเนื่องจากเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า บริษัทต่างชาติที่ใช้อุปกรณ์ผลิตชิปของสหรัฐจะต้องขอใบอนุญาตจากสหรัฐ ก่อนที่จะทำการส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวให้กับหัวเว่ย
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ถือว่า หัวเว่ยซึ่งเป็นผู้นำเครือข่ายสื่อสารไร้สาย 5G นั้น เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ โดยเชื่อว่าอุปกรณ์ของหัวเว่ยอาจถูกใช้เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ ขณะที่หัวเว่ยปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ด้านโฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกมาคัดค้านมาตรการควบคุมการส่งออกครั้งล่าสุดของสหรัฐ โดยโฆษกจีนระบุว่า ที่ผ่านมาสหรัฐได้ใช้อำนาจรัฐในการคุกคามและจำกัดสิทธิบริษัทต่างชาติ โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติและการควบคุมการส่งออกอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการละเมิดหลักการตลาดและการแข่งขันที่เป็นธรรม เพิกเฉยต่อกฎพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
โฆษกกล่าวเสริมว่า จีนเรียกร้องให้สหรัฐยุติการกระทำดังกล่าวทันที ส่วนจีนจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของบริษัทจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 63)
Tags: ริชาร์ด หยู, สหรัฐ, หัวเว่ย, เทคโนโลยี, โดนัลด์ ทรัมป์, โทรคมนาคม