ดาวโจนส์ปิดบวก 60.08 จุด ขานรับความหวังกิจกรรมเศรษฐกิจกระเตื้อง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) หลังการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐในเดือนนี้ แต่ตลาดปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับความตีงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาดด้วย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,685.42 จุด เพิ่มขึ้น 60.08 จุด หรือ +0.25%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,863.70 จุด เพิ่มขึ้น 11.20 จุด หรือ +0.39%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,014.56 จุด เพิ่มขึ้น 70.84 จุด หรือ +0.79%

อย่างไรก็ตาม ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 2.7%, ดัชนี S&P500 ร่วง 2.3% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.2%

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มการเงินปรับตัวลง

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับการที่รัฐบาลสหรัฐดำเนินการสกัดกั้นการส่งออกชิปทั่วโลกให้กับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน ซึ่งเพิ่มความวิตกว่า จีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ โดยจีนระบุว่าจะขึ้นบัญชีดำบริษัทของสหรัฐว่าเป็นบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ

หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ลดลง 0.57% และหุ้นอินเทล ลดลง 1.35%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 16.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 12.3% หลังจากลดลง 8.3% ในเดือนมี.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐดิ่งลง 11.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลดังกล่าวเมื่อ 101 ปีก่อน หลังจากร่วงลง 5.4% ในเดือนมี.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. โดยการปรับตัวลงของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากการที่ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกได้หยุดชะงักลงจากการที่รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 73.7 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 71.8 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 65.0

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top