นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยถึงตัวอย่างกิจการ/กิจกรรมที่อยู่ในข่ายได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 2 แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มทางด้านเศรษฐกิจและชีวิตประจำวัน อาทิ การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร ฯลฯ ภายในตัวอาคาร, ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ แต่ไม่รวมโรงภาพยนตร์ ฟิตเนส ศูนย์ประชุม ศูนย์พระเครื่อง สวนน้ำ ร้านค้าปลีก/ค้าส่งรูปแบบอื่น ๆ ร้านเสริมสวยให้สามารถย้อมผม ดัดผมที่ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชม.และร้านทำเล็บ
กลุ่มที่ 2 ด้านการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพ เช่น คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม ศูนย์ควบคุมน้ำหนัก, สนามกีฬากลางแจ้ง และกีฬาเล่นเป็นทีม แต่ต้องไม่มีผู้เข้าชม, สวนดอกไม้ สวนพฤกษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ ห้องสมุดสาธารณะ จำกัดจำนวนการเข้า, นวดแผนไทยเฉพาะนวดเท้า
กลุ่ม 3 อื่นๆ ได้แก่ การประชุมภายใน-ภายนอกองค์กร การบรรยาย แต่ต้องจำกัดจำนวนผู้ข้าร่วมตามขนาดสถานที่ การถ่ายทำรายการ โฆษณา ถ่ายแบบ ถ่ายคลิป แต่ต้องมีผู้เข้าร่วมไม่เกิน 5 คน
อย่างไรก็ตาม กิจการหรือกิจกรรมต่างๆ เป็นแค่เบื้องต้นยังต้องรอการหารือร่วมกันของหลายฝ่าย รวมทั้งที่ประชุมใหญ่ ศบค.สรุปสุดท้ายในวันที่ 15 พ.ค.63 นี้
“สิ่งเหล่านี้ยังเป็นเพียงร่าง ยังไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้ายจริงๆ ต้องรอการประชุมใหญ่ ศบค.ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ก่อน แต่วันนี้ผมได้รับมอบหมายให้ประกาศแบบไม่เป็นทางการ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาเตรียมตัว ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่ 100%…ยังต้องประชุมกันอีก และมีโอกาสจะปรับเปลี่ยนได้ ต้องรอคุยกันอีกทั้งฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง และในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ…เราจะดึงกิจการที่มีความเสี่ยงต่ำก่อนเข้ามา เพื่อให้เจ้าของธุรกิจได้มีเวลาเตรียมตัว และสร้างความมั่นใจในการให้บริการแก่ลูกค้า” นพ.ทวีศิลป์ ระบุ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการจัดทำแอปพลิเคชั่นติดตามตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า จะทำให้สามารถติดตามผู้ต้องสงสัยติดเชื้อมาเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่จะแพร่ระบาดไปสู่บุคคลอื่น นอกจากนี้ ยังเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาให้แก่ประชาชนในการเลือกเข้าไปใช้บริการด้วยว่าร้านดังกล่าวมีมาตรการหรือระบบการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดีมากน้อยเพียงใด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 63)
Tags: COVID-19, ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน, มาตรการผ่อนปรน, ศบค., ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19, โควิด-19