ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ร่วงลงน้อยกว่าที่วิตกกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ผู้แทนการค้าสหรัฐและจีนได้หารือกันเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยจีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะปรับปรุงบรรยากาศเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,331.32 จุด เพิ่มขึ้น 455.43 จุด หรือ +1.91%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,929.80 จุด เพิ่มขึ้น 48.61 จุด หรือ +1.69%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,121.32 จุด เพิ่มขึ้น 141.66 จุด หรือ +1.58%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 2.6%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.5% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 6%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้น แม้มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ภาวะย่ำแย่ที่สุดที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐ และประเทศต่างๆ รวมทั้งการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งพุ่งขึ้นมากกว่า 20% แล้วในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่เจ้าหน้าที่การค้าของทั้งสองประเทศยืนยันจะร่วมมือกันในการส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาคเพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก
นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และหัวหน้าคณะเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเมื่อวันศุกร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะร่วมมือกันในการส่งเสริมเศรษฐกิจมหภาคเพื่อสร้างบรรยากาศและภาวะต่างๆ ที่เอื้ออำนวยกับการดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างจีนและสหรัฐ
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน
การพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิลช่วยหนุนตลาดด้วย หลังเปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดทำการร้านแอปเปิล สโตร์ในสหรัฐตั้งแต่สัปดาห์หน้า โดยราคาหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.38%
หุ้นอูเบอร์ เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 6.01% หลังบริษัทเปิดเผยว่า การจองบริการเรียกรถรับส่งฟื้นตัวขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นโนเบิล เอ็นเนอร์จี พุ่งขึ้น 13.46% หลังเปิดเผยว่า บริษัทจะลดการผลิตน้ำมันและลดการใช้จ่ายทุนเพื่อรับมือกับการร่วงลงของราคาน้ำมัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 20.5 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย.ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจร่วงลงถึง 21.5 ล้านตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 14.7% ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าระดับ 10.8% ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าระดับ 24.9% ซึ่งเป็นตัวเลขอัตราการว่างงานในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ขณะที่ตัวเลขอัตราการว่างงานสูงสุดในช่วงเกิดวิกฤตการเงินในเดือนต.ค. 2552 อยู่ที่ระดับ 10%
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อัตราการว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 16% ในเดือนเม.ย. หลังจากอยู่ที่ระดับ 4.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2560 ขณะที่แตะระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ค. 63)
Tags: ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก, สงครามการค้า