SAT หั่นรายได้ปีนี้ติดลบเพิ่มเป็น 20-30%

ตั้งรับ”ค่ายรถ”เบรกผลิตชั่วคราวจากผลกระทบโควิด

นายณัฐขจร ญาณภิรัต รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการเงิน บัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ ประกอบด้วย กลุ่มรถยนต์นั่ง รถกระบะ รถบรรทุก และอุตสาหกรรมเครื่องยนต์การเกษตร เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์รายใหญ่หลายรายต้องหยุดการผลิตชั่วคราวเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน เม.ย.เป็นต้นมา และคาดว่าจะมีค่ายรถยนต์บางรายจะยังชะลอการผลิตต่อเนื่องมาถึงเดือน พ.ค.และ มิ.ย.เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาส่งผลกระทบต่อความต้องการรถยนต์ในตลาดหดตัวอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ เบื้องต้นบริษัทได้ประเมินผลกระทบที่มีต่อยอดการผลิตรถยนต์ปีนี้จะลดลงเหลือ 1.5 ล้านคัน ลดลงประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับยอดการผลิตในปีก่อนที่ 2.01 ล้านคัน และต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดอยู่ที่ 1.9 ล้านคัน เป็นผลให้ทิศทางรายได้รวมของบริษัทในปีนี้มีโอกาสลดลงประมาณ 20-30% จากปีก่อน เป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมอุตสาหกรรมฯ ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่ารายได้รวมตลอดทั้งปี 63 จะลดลง 7-10% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 8.2 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดหวังว่าผลประกอบการในไตรมาส2/63 จะเป็นจุดที่ต่ำสุดในรอบปี ก่อนจะเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง

“ค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ต้องหยุดการผลิตชั่วคราวเดือน เม.ย. เพราะความต้องการหดตัวไปมาก แต่หากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแค่ในเดือน เม.ย. ก็อาจจะกระทบไม่มากนัก เพราะภาวะปกติเดือน เม.ย. มีวันหยุดเทศกาลหลายวัน แต่หากยังหยุดการผลิตต่อเนื่องไปถึงเดือน พ.ค.-มิ.ย. คงกระทบยอดขายของบริษัทหดตัวอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส2/63 จากการพูดคุยกับผู้ผลิตรถยนต์บางรายก็ส่งสัญญาณมาบ้างแล้วว่าจะหยุดการผลิตชั่วคราวต่อเนื่องในเดือน พ.ค. ทำให้เชื่อว่าหลังจากนี้ไปยอดผลิตรถยนต์คงจะไม่กลับมาผลิตเป็นจำนวนเท่าเดิมเหมือนกับก่อนช่วงเกิดวิกฤติโควิด-19 เพราะกำลังซื้อยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ”

นายณัฐขจร กล่าว

ปัจจุบันยอดขายชิ้นส่วนรถเครื่องจักรกลการเกษตรได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากวิกฤติโควิด-19 แต่รายได้รวมของบริษัทส่วนใหญ่ยังพึ่งพายอดขายผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถชดเชยผลกระทบอุตสาหกรรมรถยนต์หดตัวในรอบนี้ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากคำสั่งซื้อใหม่ส่งมอบลูกค้าในต่างประเทศที่คาดเข้ามาช่วงปลายปี เป็นส่วนช่วยสนับสนุนยอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาส4/63

นายณัฐขจร กล่าวต่อว่า จากผลกระทบที่เกิดขึ้นบริษัทปรับกลยุทธ์ด้วยการรักษากระแสเงินสดให้เพียงพอกับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ โดยชะลอใช้เงินลงทุนที่เตรียมไว้ใช้ขยายกำลังการผลิตในอนาคต พร้อมกับควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งรวมไปถึงการลดเงินเดือนทั้งในส่วนของผู้บริหารและพนักงานเพื่อรักษาความเท่าเทียมในองค์กร

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างทางบริษัทมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในทุกๆด้าน และวางแนวทางขยายการลงทุนในระยะถัดไปเพื่อสร้างการเติบโตรอบใหม่ให้กับบริษัทภายหลังจากสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 คลี่คลายแล้ว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top