- ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ (11.30 น.)
- ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยอดสะสม 2,987 คน (+18)
- รักษาหายแล้ว 2,740 คน (+1)
- ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 193 คน
- เสียชีวิตสะสม 54 คน (-)
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 18 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแรงงานต่างด้าวในศูนย์กักกัน จ.สงขลา ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,987 ราย ผู้ป่วยที่กลับบ้านได้แล้ว 2,740 ราย โดยวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงอยู่ที่ 54 ราย
“ผู้ป่วยที่พบเพิ่มวันนี้ทั้ง 18 ราย เป็นแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้ต้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา แบ่งเป็นหญิง 17 คน อายุระหว่าง 13-20 ปี และชาย 1 คน อายุ 10 ปี”
นพ.ทวีศิลป์ระบุ
ส่วนกรณีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่จ.ยะลา เพิ่มอีก 40 คนนั้น โฆษก ศบค. ชี้แจงว่า ผลตรวจของ รพ.ศูนย์ยะลาที่ออกมาดังกล่าวเป็นการตรวจในเบื้องต้น ซึ่งล่าสุด ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.สงขลา ได้มีการตรวจผลซ้ำอีกครั้งและยันยันว่าไม่พบการติดเชื้อทั้ง 40 คน ดังนั้นในกรณีนี้ ผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขจึงมีความเห็นตรงกันว่าการตรวจผลในห้องปฏิบัติการ 2 แห่งอาจจะไม่เพียงพอ จำเป็นต้องส่งเข้ามาตรวจซ้ำอีกครั้งที่ห้องปฏิบัติการกลางของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
“วันนี้ จะไม่ยืนยันผลจนกว่าเราจะทบทวนใหม่ทุกกระบวนการ ตั้งแต่การเก็บตัวอย่างเชื้อ ดังนั้นใน 40 รายที่ จ.ยะลานี้ จะยังไม่ขอประกาศผลในวันนี้ แต่ผลจะออกมาอย่างไรนั้น ยืนยันว่าจะไม่มีการปกปิดข้อมูลอย่างเด็ดขาด”
โฆษก ศบค.ระบุ
นพ.ทวีศิลป์ ยังแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่ประชาชนแห่ไปแย่งซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งการไปรุมรับของบริจาค ซึ่งพบว่าไม่มีการรักษาระยะห่าง อาจส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเพิ่มมากขึ้น โดยระบุว่าต้องพยายามทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือกับประชาชนให้ปรับพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ซึ่งแม้รัฐบาลจะมีการผ่อนคลายมาตรการลงบ้างแล้วก็ตาม
แต่ขอให้ประชาชนยังคงยึดหลักปฏิบัติ 5 ข้อของมาตรการป้องกันโรคไว้อย่างเคร่งครัด คือ 1.ทำความสะอาดโดยการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส และกำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน 2.สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า 3.ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค 4.เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร และ 5.ควบคุมจำนวผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น
“คงต้องเป็นข้อเตือนใจในช่วงการเปลี่ยนผ่านช่วง 1-2 วันนี้ ต้องพยายามทำความเข้าใจและให้ประชาชนปรับพฤติกรรมเหล่านั้น ถ้าทำได้ ท่านเองก็จะปลอดภัย ที่ผ่านมาเราร่วมมือกันจนยอดผู้ป่วยเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียวแล้ว ดังนั้นก็คงต้องขอให้ยึดหลักปฏิบัติ 5 ข้อกันต่อไป เราต้องการความร่วมมือให้ได้ 100% เพื่อให้โรคนี้หมดไปจากประเทศ ซึ่งหากตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศเป็น 0 ติดต่อกันอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เราก็อาจจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และสามารถผ่อนคลายมาตรการที่เข้มข้นลงได้” โฆษก ศบค.กล่าว
พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในช่วง 14 วันนี้ให้ปฏิบัติตัวตามที่ทางราชการกำหนด ซึ่งหากพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อลดน้อยลง ก็อาจจะทำให้ 14 วันในระยะที่สอง ประชาชนจะได้มีการผ่อนคลายเรื่องการใช้พื้นที่ต่างๆ ได้มากขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากภายหลังระยะ 14 วันแรกของการผ่อนคลายมาตรการพบว่ามียอดการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ก็อาจจะมีการทบทวนมาตรการใหม่ และกลับไปบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดเหมือนก่อนหน้านี้
ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากทั้งในส่วนของประชาชน และผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ให้ช่วยดูแลและตรวจสอบกันเองในชุมชนด้วย ซึ่งหากในชุมชนสามารถควบคุมดูแลกันได้เป็นอย่างดีแล้ว ก็อาจไม่ต้องนำมาตรการที่เข้มข้นขึ้นมาบังคับใช้
นพ.ทวีศิลป์ ยืนยันว่า ศบค.ยังไม่อนุญาตให้คลินิกหรือสถานเสริมความงามเปิดให้บริการได้ในช่วงนี้ แม้จะมีการจดทะเบียนเป็นคลินิกเวชกรรมก็ตาม เนื่องจากในข้อกำหนดมีการระบุไว้ชัดเจนว่ายังมีคำสั่งปิดคลินิกเวชกรรมเสริมความงาม เพราะถือว่าเป็นสถานที่เสี่ยงในการแพร่โรคได้ เช่นเดียวกันโรงมหรสพ ผับ บาร์ และสถานบันเทิงต่างๆ ที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดกิจการได้ในช่วงนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ค. 63)
Tags: COVID-19, ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน, ศบค., ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19, โควิด-19