ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือ ได้กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง โดยข่าวที่ทั่วโลกติดตามกันมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นกรณีที่มีข่าวลือว่า ท่านผู้นำ “คิม จอง อึน” แห่งเกาหลีเหนืออาจจะป่วยหนักหลังจากที่เข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ขณะที่โลกออนไลน์ก็ได้มีการถกเถียงกันไปจนถึงขั้นที่ว่า ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนืออาจเสียชีวิตลงแล้ว ด้วยเหตุนี้ In Focus ในสัปดาห์นี้ จึงจะพาทุกท่านไปเกาะติดทุกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว รวมถึงความคิดเห็นที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญ
เปิดประวัติท่านผู้นำ
ด้วยความที่เกาหลีเหนือเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ ข้อมูลประวัติชีวิตส่วนตัวของ คิม จอง อึน จึงถือเป็นความลับสูงสุด และมีการเปิดเผยให้ทราบเฉพาะรายละเอียดสำคัญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นายคิม จอง อึน เป็นบุตรชายคนสุดท้องของนายคิม จอง อิล อดีตผู้นำเกาหลีเหนือ ผู้นำคนปัจจุบันของเกาหลีเหนือ เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม โดยไม่มีการเปิดเผยปีเกิดที่แน่ชัด แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่า คิม จอง อึน น่าจะอายุประมาณ 30 ปี ทั้งนี้ นายคิมได้สมรสกับนางรี ซอย จู โดยมีบุตรและธิดา 3 คนด้วยกัน
สำหรับเส้นทางการเมืองนั้น คิม จอง อึน เข้ารับตำแหน่งคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศในปี 2552 ก่อนที่จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือในปี 2554 เมื่อนายคิม จอง อิล ผู้เป็นบิดาถึงแก่อสัญกรรม
ในปี 2560 ชื่อของนายคิมตกเป็นที่จับตาของสื่อทั่วโลก หลังเกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้น เมื่อ “คิม จอง นัม” พี่ชายต่างมารดาของเขาถูกลอบสังหารที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 ก็ตกอยู่ที่คิม จอง อึนในทันที เนื่องจากผู้ตายเคยเป็นว่าที่ผู้สืบทอดอำนาจปกครองเกาหลีเหนือต่อจากบิดา โดยหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ได้ยืนยันว่าคิมเป็นผู้สั่งฆ่า แต่ทางการเกาหลีเหนือก็ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว
นอกจากนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าเกาหลีเหนือมีจุดแข็งอยู่ที่การครอบครองขีปนาวุธ อันเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้คานอำนาจกับมหาอำนาจโลกอย่างจีนที่เป็นพันธมิตร และสหรัฐที่เป็นศัตรู ซึ่งท่านผู้นำก็มักจะสั่งยิงหรือทดสอบขีปนาวุธเป็นว่าเล่นจนนานาประเทศขวัญผวาและสั่งคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คิม จอง อึน ก็ไม่ได้แยแสแต่อย่างใด
จนในปี 2561 คิมได้สร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ระดับประวัติศาสตร์โลก ด้วยการจัดประชุมกับนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และลงนามในปฏิญญาปันมุนจอม อันเป็นการยุติความขัดแย้งทางการทหารอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าจะเคยเป็นปฎิปักษ์กันมานานกว่า 65 ปี พร้อมให้สัญญาว่าจะลดการใช้อาวุธนิวเคลียร์
ต่อมาในปี 2562 เขาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง ด้วยการยอมตกลงที่จะเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่เขตปลอดอาวุธ (Demilitarized Zone) บริเวณพรมแดนของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. เพื่อทำข้อตกลงปลดอาวุธนิวเคลียร์ ถึงแม้ในที่สุดทั้ง 2 ประเทศจะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ แต่ก็ถือเป็นความคืบหน้าที่น่าประทับใจ จนปธน.ทรัมป์มักนำมาคุยฟุ้งผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้งว่า เขาและคิม จอง อึน สนิทกัน
ข่าวลือช็อกโลก
แต่แล้วเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา สื่อหลายแห่งได้ตีข่าวใหญ่ว่า ท่านผู้นำคิมอาจเป็นบุคคลทุพพลภาพหรือแม้แต่กระทั่งเสียชีวิตลงแล้ว หลังจากที่เขาเข้ารับการผ่าตัดหัวใจเมื่อช่วงกลางเดือนเม.ย.
มูลเหตุที่ทำให้เกิดข่าวลือขึ้นนั้น เนื่องจากปกติแล้ว ภาพของท่านผู้นำที่เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเกาหลีเหนือนั้นไม่เคยห่างหายจากสายตาประชาชน แต่นายคิมกลับไม่ได้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของนายคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือและปู่ของตัวเองที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ทั้งที่วันดังกล่าวถือเป็นวันที่มีความสำคัญมากที่สุดของประเทศ
และเมื่อย้อนกลับไปดูประวัติเก่า ๆ แล้ว สื่อเกาหลีใต้ที่เน้นจับประเด็นความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนืออย่าง Daily NK ก็ได้รายงานว่า ท่านผู้นำเข้ารับการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจเมื่อวันที่ 12 เม.ย. ด้วยเหตุผลว่าเขาสูบบุหรี่จัด เป็นโรคอ้วน และทำงานหนักเกินไป โดยผู้นำเกาหลีเหนือได้หลบไปพักฟื้นร่างกายอยู่ที่เมืองวอนซาน ทางตะวันออกของประเทศ
เมื่อนับถึงวันนี้ (28 เม.ย.) ก็ถือเป็นเวลา 17 วันแล้วที่นายคิมไม่ได้ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อ และถึงแม้จะมีการคาดการณ์ไปต่าง ๆ นานา แต่การจะรู้ความจริงนั้นยากยิ่ง เนื่องจากชีวิตประจำหรือประวัติด้านสุขภาพของนายคิมถือเป็นความลับ อีกทั้งการจะล้วงข้อมูลมาจากประชาชนหรือกระทั่งคนวงในก็ทำได้ยาก เพราะการพูดข่าวลือเกี่ยวกับผู้นำ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายของชาวเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ หากเทียบกับกรณีของคิม จอง อิล ผู้เป็นบิดานั้น เกาหลีเหนือได้เก็บข่าวการเสียชีวิตของคิม จอง อิล ไว้เป็นเวลา 2 วัน ก่อนที่จะประกาศสู่สาธารณชน โดยทุกอย่างถูกเก็บเป็นความลับ แม้แต่รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือในขณะนั้นเองก็ทราบข่าวการเสียชีวิตของอดีตผู้นำเป็นเวลาเพียง 1 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ
เปอร์เซ็น “อยู่” มากกว่าเสียชีวิต
หลังจากที่มีข่าวการหายตัวไปของนายคิม ทางการเกาหลีใต้ก็ได้เร่งสืบหาความจริง และรีบออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวโดยทันที
ในวันที่ 21 เม.ย. หรือหลังจากที่มีข่าวลือออกมาเพียง 1 วัน ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ระบุว่า นายคิมอยู่ในระหว่างเดินทางเยี่ยมพื้นที่ในหลายจังหวัดพร้อมกับคนสนิท และทางการไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนข่าวลือเกี่ยวกับอาการป่วยของเขา
“แม้แต่พรรคแรงงานของเกาหลีเหนือ กองทัพ และคณะรัฐมนตรี ก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เป็นพิเศษ เช่น การออกกฤษฎีกาฉุกเฉิน โดยเราเชื่อว่าประธานคิมยังคงมีร่างกายที่แข็งแรงเหมือนเดิม” แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้ การที่นายมูน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ออกมาเปิดเผยในวันครบรอบปีที่ 2 ของปฏิญญาปันมุนจอมว่า เขาตั้งใจที่จะร่วมมือกับรัฐบาลเกาหลีเหนือในการจัดการกับโควิด-19 เพื่อเป็นใบเบิกทางสู่การกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศนั้น ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำข่าวดีที่ว่า ท่านผู้นำยังมีชีวิตอยู่
- ที่ปรึกษาปธน.เกาหลีใต้เผย “คิม จอง อึน” ยังมีชีวิตอยู่และสบายดี
- ‘ทรัมป์’เผยทราบสถานะด้านสุขภาพของ’คิม จอง อึน’แต่ไม่ขอพูดรายละเอียด
- จีนส่งทีมแพทย์ไปเกาหลีเหนือให้คำแนะนำด้านสุขภาพ ‘คิม จอง อึน’
ฝั่งของเว็บไซต์ 38 North ซึ่งเน้นนำเสนอเรื่องราวของเกาหลีเหนือนั้น ได้โพสต์ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่เผยให้เห็นว่า รถไฟซึ่งคาดว่าจะเป็นของนายคิมถูกพบจอดอยู่ที่สถานีวอนซานตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. โดยสถานีรถไฟแห่งนี้สงวนไว้เฉพาะครอบครัวของผู้นำสูงสุดเท่านั้นที่สามารถจอดเทียบได้ ซึ่งคาดการณ์ว่า ท่านผู้นำอาจพักฟื้นอยู่ที่บ้านพักตากอากาศส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม นายแท ยอง โฮ อดีตทูตเกาหลีเหนือซึ่งแอบหลบหนีเข้ามาในเกาหลีใต้เมื่อปี 2559 ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า รถไฟขบวนดังกล่าวอาจเป็นกลยุทธ์การเบี่ยงเบนความสนใจ เนื่องจากในสมัยที่เขาทำงานอยู่ที่เกาหลีเหนือ รัฐบาลมักจะส่งรถไฟของท่านผู้นำไปแต่ละภูมิภาคของประเทศ เพื่อหลอกการสอดแนมจากดาวเทียมต่างชาติ ไม่ให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว คิม จอง อึน พักอาศัยอยู่ที่ใด
นอกจากนี้ ยังมีทฤษฎีใหม่ที่น่าสนใจจากกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ออกมาอีกว่า นายคิมอาจจะไม่ได้ป่วยหนัก แต่เก็บตัวอยู่เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโควิด-19 ในช่วงพักฟื้น แม้เกาหลีเหนือจะยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ซึ่งเป็นสื่อในความควบคุมของเกาหลีเหนือนั้น ได้ออกมาสยบข่าวลือดังกล่าววานนี้ ด้วยการเผยแพร่ภาพจดหมายของนายคิมต่อประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับวันเสรีภาพ (Freedom Day) ซึ่งถือเป็นวันชาติของสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ลงวันที่ 27 เม.ย.
แต่ท้ายที่สุด ก็ยังไม่มีหลักฐานใดที่สามารถยืนยันสถานะทางสุขภาพของนายคิมได้ หากเขายังไม่มาปรากฎตัวออกมาให้สื่อได้เห็น
หากสิ้นผู้นำ ใครจะเป็นผู้ปกครองเกาหลีเหนือคนใหม่?
ในช่วงที่ข่าวลือนี้แพร่สะพัดไปทั่วโลก หลายคนคงอาจอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า หากคิม จอง อึน เสียชีวิตจริง แล้วใครจะก้าวขึ้นมาเป็น “ท่านผู้นำ” คนต่อไป เพราะถึงแม้นายคิมจะมีลูกชาย แต่คนโตก็มีอายุเพียงราว ๆ 10 ปีเท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลางโดยมีผู้นำคนใหม่คือ “คิม โจ ยอง” น้องสาวและผู้ช่วยคนสนิทของเขา
คิม โจ ยอง มักปรากฎตัวเคียงข้างพี่ชายอยู่เสมอในพิธีสำคัญต่าง ๆ โดยเธอมีบทบาทในด้านการเมืองเกาหลีเหนืออย่างเด่นชัด ผิดกับนาย “คิม จอง ซอล” พี่ชายของผู้นำคิมที่หันไปเอาดีในแวดวงดนตรี และประกาศตัวว่าไม่สนใจการเมือง
นอกจากนี้ เชื่อกันว่า คิม โจ ยอง ได้สมรสกับลูกชายของผู้นำอันดับสองของเกาหลีเหนือ ถือได้ว่าพ่อสามีของเธอเป็นคนที่ท่านผู้นำคิมไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง ทำให้ฐานความเข้มแข็งทางการเมืองถือว่ามีภาษีมากกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ คิม โจ ยอง จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำก็อาจจะไม่ง่ายดายนัก เนื่องจากสังคมเกาหลีเหนือไม่ได้เปิดกว้างถึงขนาดที่จะยอมรับให้ผู้หญิงขึ้นมาเป็นใหญ่ นักวิเคราะห์บางส่วนจึงคาดการณ์ว่า บทบาทของเธออาจจะเป็นได้แค่ผู้สำเร็จราชการแทน หรือเป็นอาหญิงที่น่าเคารพของชาวเกาหลีเหนือ แต่ในขณะที่บางส่วนโต้ว่า การที่เธอมีสายเลือดเดียวกับผู้นำ ประกอบกับบทบาทหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศมาโดยตลอดนั้น จะทำให้เธอมีอำนาจอันชอบธรรมในการปกครองเกาหลีเหนือเฉกเช่นเดียวกับผู้เป็นพี่ชาย
แม้ในขณะนี้จะยังไม่มีใครทราบว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นเช่นไร แต่ทาง In Focus หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้เห็นภาพของท่านผู้นำคิมที่กลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งในเร็ววัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 63)
Tags: คิม จอง ซอล, คิม จอง นัม, คิม จอง อิล, คิม จอง อึน, คิม โจ ยอง, มูน แจ อิน, เกาหลีเหนือ