ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในการประชุมวันนี้ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกเพดานการซื้อพันธบัตรรัฐบาล และเดินหน้าขยายโครงการซื้อสินทรัพย์ โดมีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
BOJ ระบุในแถลงการณ์ว่า BOJ จะยกเลิกเพดานการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลรายปีในวงเงิน 80 ล้านล้านเยน (7.45 แสนล้านดอลลาร์) และจะเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงิน
ขณะเดียวกัน BOJ ได้ตัดสินใจปรับเพิ่มเป้าหมายการซื้อหุ้นกู้ และตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น (Commercial Paper) รายปี เป็น 20 ล้านล้านเยน จนถึงสิ้นเดือนก.ย.ปีนี้ จากระดับ 7.4 ล้านล้านเยนที่เคยประกาศซื้อในเดือนมี.ค. เพื่อช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรับมือกับการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ BOJ ยังได้สนับสนุนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน ด้วยการขยายขอบข่ายการรับหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้เป็น 23 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนมี.ค. จากระดับ 8 ล้านล้านเยนซึ่งได้มีการกำหนดในการประชุมเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุม BOJ ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายการซื้อกองทุน ETF รายปีเอาไว้ที่ 12 ล้านล้านเยน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ จะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในช่วงเวลาต่อไปของวันนี้ เพื่ออธิบายถึงเหตุผลในการตัดสินใจของ BOJ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 เม.ย. 63)
Tags: BOJ, กระตุ้นเศรษฐกิจ, ญี่ปุ่น, ธนาคารกลางญี่ปุ่น, นโยบายการเงิน, พันธบัตร