สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) เปิดเผยในวันศุกร์ (24 เม.ย.) ว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐอาจพุ่งขึ้นเกือบ 4 เท่า แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้ เนื่องจากรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และยังต้องสั่งชัตดาวน์ธุรกิจทั่วประเทศด้วย
CBO คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐ จะร่วงลงเกือบ 40% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาส 2/2563 แต่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนอัตราการว่างงานจะแตะระดับสูงสุดที่ 16% ในปี 2563 และจะยังคงอยู่ในระดับเลขสองหลักตลอดปี 2564
CBO ระบุว่า หากกฎหมายในปัจจุบันเกี่ยวกับการบริหารรายได้และรายจ่ายโดยทั่วไปยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีการออกงบประมาณฉุกเฉินเพิ่มเติมอีกนั้น ยอดขาดดุลของรัฐบาลกลางสหรัฐจะอยู่ที่ราว 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2563 และ 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2564 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ CBO คาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า ยอดขาดดุลงบประมาณจะอยู่สูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เล็กน้อยทั้งในปีนี้และปีหน้า
สภาคองเกรสสหรัฐได้อนุมัติงบประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์แล้วเพื่อใช้จ่ายในด้านสาธารณสุข, ช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงมาตรการอื่นๆ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
CBO คาดว่า หนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐจะพุ่งแตะระดับ 101% ของ GDP ภายในวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณ 2563 และหนี้สินของรัฐบาลจะขยายตัวถึง 108% ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2564
นอกจากนี้ CBO ยังคาดว่า GDP ที่แท้จริงจะลดลง 5.6% ในปี 2563 และจะขยายตัว 2.8% ในปี 2564
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 เม.ย. 63)
Tags: ขาดดุลงบประมาณ, จีดีพี, สภาคองเกรส, สหรัฐ, เศรษฐกิจสหรัฐ