สื่อต่างประเทศรายงานว่า บรรดากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจากหินดินดาน (shale oil), โรงกลั่นน้ำมัน และบริษัทท่อส่งน้ำมันของสหรัฐ กำลังเผชิญกับความยากลำบากในการหาเงินสด และอาจต้องเผชิญกับการปรับโครงสร้าง
เนื่องจากหลายบริษัทมีภาระหนี้สินในระดับสูง ประกอบกับการที่อุตสาหกรรมน้ำมันเผชิญกับวิกฤตด้านอุปทานและอุปสงค์ครั้งเลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์
ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลกได้ร่วงลงไปราว 30% เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่ถูกกดดันอยู่แล้วจากการทำสงครามราคาระหว่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้ บรรดาบริษัทในอุตสาหกรรมน้ำมันยังเผชิญกับความยากลำบากในการสร้างความพอใจให้นักลงทุนที่ผิดหวังกับผลตอบแทนที่อ่อนแอ แม้ว่าสหรัฐได้ผงาดขึ้นมาเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกได้แล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม
และเมื่อไม่นานมานี้ อุตสาหกรรมน้ำมันสหรัฐก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงติดลบถึง 38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ต่ำกว่าระดับที่บรรดาบริษัทและที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมน้ำมันระบุว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันหลายแห่งของสหรัฐได้ประกาศปรับลดค่าใช้จ่าย และลดการผลิตน้ำมันลงอย่างมากแล้วก็ตาม
นักกฏหมายด้านพลังงานของบริษัท Haynes and Boone เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า บริษัทผลิตน้ำมันอิสระชั้นนำของสหรัฐประมาณครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 60 แห่งนั้น มีแนวโน้มที่จำเป็นจะต้องทบทวนทางเลือกในการหาทางเพิ่มสภาพคล่องให้มากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 เม.ย. 63)
Tags: Energy & Utilities, Haynes and Boone, shale oil, น้ำมันดิบ, บริษัทผลิตน้ำมัน, ราคาน้ำมัน, ราคาน้ำมันโลก, สหรัฐ, อุตสาหกรรมน้ำมัน, อเมริกา