ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการทรุดตัวของราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก และอัลฟาเบท โดยปัจจัยลบดังกล่าวได้บดบังรายงานเชิงบวกที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐได้ผ่านร่างมาตรการเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กในวงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,018.88 จุด ลดลง 631.56 จุด หรือ -2.67%
- ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,736.56 จุด ลดลง 86.60 จุด หรือ -3.07%
- ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,263.23 จุด ลดลง 297.50 จุด หรือ -3.48%
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. และเป็นการดิ่งลงอย่างหนักติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพ.ค.ทรุดตัวลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) ซึ่งเป็นวันครบกำหนดส่งมอบ โดยตลาดน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นเหตุให้รัฐบาลในหลายประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก
ความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงด้วย โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.3% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.5% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 1.7% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 2%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ถ่วงตลาดลงเมื่อคืนนี้ด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 4.17% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 3.8% หลังจากนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นของทั้งสองบริษัท พร้อมกับเตือนว่า ยอดขายโฆษณาออนไลน์ของบริษัทเหล่านี้อาจชะลอตัวลงอีก
หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) ร่วงลง 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ที่ระดับ 1.18 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.31 ดอลลาร์/หุ้น เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.59 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.78 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรบ และอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2563 เนื่องจากความไม่แน่นอนของผลกระทบที่เกิดจากไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
อย่างไรก็ดี ล็อคฮีด มาร์ติน ระบุว่า บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 1.565 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.508 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีกำไรเพิ่มขึ้นสู่ 6.08 ดอลลาร์/หุ้น เทียบกับระดับ 5.80 ดอลลาร์/หุ้นที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า วุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ผ่านร่างมาตรการเยียวยาวงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสนับสนุนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ร่างมาตรการดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และคาดว่าสภาผู้แทนฯ จะให้การอนุมัติภายในวันพฤหัสบดีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 8.5% สู่ระดับ 5.27 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่ายอดขายบ้านจะดิ่งลงถึง 30-40% ในช่วงเดือนต่อๆไป โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 เม.ย. 63)
Tags: dowjones, Nasdaq, S&P500, ข่าวหุ้น, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก