นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบอัตราการชดเชยความเสียหายให้สถาบันการเงิน ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอัตราการชดเชยความเสียหายให้สถาบันการเงินตามมาตรา 11 ของพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.70% ของจำนวนเงินที่ธนาคารพาณิชย์ และ SFIs ต้องกันสำรองเพิ่มเติมจากยอดหนี้รวมของลูกหนี้ คูณด้วยอัตราส่วนของยอดหนี้ใหม่ตามพระราชกำหนดนี้กับยอดหนี้รวม สำหรับผู้ประกอบวิสาหกิจที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562
2.60% ของจำนวนเงินที่ธนาคารพาณิชย์ และ SFIs ต้องกันสำรองเพิ่มเติมจากยอดหนี้รวมของลูกหนี้ คูณด้วยอัตราส่วนของยอดหนี้ใหม่ตามพระราชกำหนดนี้กับยอดหนี้รวม สำหรับผู้ประกอบวิสาหกิจที่มีวงเงินสินเชื่อเกิน 50 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562
ทั้งนี้ อัตราดังกล่าวมีความเหมาะสมในการดูแลให้ธนาคารพาณิชย์และ SFIs ช่วยเหลือลูกหนี้โดยการเร่งปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มสภาพคล่องโดยเฉพาะให้แก่ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดเล็ก เป็นการรักษาความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์และ SFIs ภายใต้ภาวะที่มีความเสี่ยงของลูกหนี้อยู่ในระดับสูง และไม่สร้างภาระทางการคลังที่มากเกินควร
นอกจากนี้ อัตราดังกล่าวสอดคล้องกับหลักการของร่างพระราชกำหนดที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 เม.ย. 63)
Tags: ธนาคารพาณิชย์, ธปท., นฤมล ภิญโญสินวัฒน์, เอสเอ็มอี, โควิด-19