- ศบค.สรุปยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันที่ 11 เม.ย. 2563 (11.30 น.)
- ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยอดสะสม 2,518 คน (+45)
- รักษาหายแล้ว 1,135 คน (+122)
- ยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 1,348 คน
- เสียชีวิต 35 คน (+2)
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุดวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 45 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมรวม 2,518 ราย ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 35 ราย รักษาหายกลับบ้านได้แล้ว 1,135 ราย
ผู้เสียชีวิต เป็นรายที่ 34 เป็นชายไทย อายุ 46 ปี อาชีพทำหน้าที่ในโรงรับจำนำ มีโรคอ้วน อาศัยอยู่กับแม่ และน้องสาว ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังรักษาอยู่ โดยมีไข้สูง 39องศา มีอาการไอ เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลเอกชน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา แพทย์ได้ส่งตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ และ สายพันธุ์บี แล้วให้ผลลบ และตรวจไวรัสโควิด-19 มีผลยืนยันติดเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 2 เม.ย. และวันที่ 9 เม.ย.มีอาการหอบ เหนื่อยมากขึ้น แพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ แล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา
รายที่ 35 เป็นชายไทย อายุ 65 ปี ซึ่งมีอาชีพทำความสะอาดในกทม. เมื่อ 11 มี.ค.มีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก อ่อนเพลีย วันที่ 19 มี.ค.เดินทางกลับจ.พะเยา และเข้ารับการรักษาในจ.พะเยาเมื่อ 24 มี.ค. แพทย์ส่งตรวจเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ และสายพันธุ์บีมีผลเป็นลบ และส่งตรวจเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้ผลยืนยันติดเชื้อเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ต่อมามีอาการหนักเมื่อวันที่ 28 มี.ค.มีอาการเหนื่อยหอบ แพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว และเสียชีวิตในวันที่ 10 เม.ย.
สำหรับผู้ป่วยใหม่ที่เพิ่มขึ้น 45 รายในวันนี้ ประกอบด้วย กลุ่มแรก 36 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า, ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ, ผู้ที่ทำอาชีพเสี่ยง บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค กลุ่มสอง 9 คน เป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantines (จ.สงขลาจากอินโดนีเซีย 8 ราย และกทม.จากสหรัฐอเมริกา 1 ราย)
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 2,518 คนในขณะนี้ มาจากทั้งหมด 68 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจังหวัดที่พบผู้ป่วยยืนยันสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ 1,280 คน 2.ภูเก็ต 172 คน 3.นนทบุรี 148 คน 4.สมุทรปราการ 106 คน 5.ยะลา 77 คน 6.ชลบุรี 75คน 7.ปัตตานี 74 คน 8.สงขลา 55 คน 9.เชียงใหม่ 40 คน และ 10.ปทุมธานี 33 คน
ส่วน 9 จังหวัดที่เหลือ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อ ได้แก่ กำแพงเพชร, ชัยนาท, ตราด, น่าน, บึงกาฬ, พิจิตร, ระนอง, สิงห์บุรี และอ่างทอง
นอกจากนี้ ในวันนี้จะมีคนไทยเดินทางจากต่างประเทศ โดยเดินทางจากรัสเซีย 34 คน และจากญี่ปุ่น 1 คน
โฆษก ศบค. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจากข้อมูลในช่วงวันที่ 4-10 เม.ย.63 พบผู้ป่วยทั้งหมด 495 คน เป็นผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน จำนวน 144 คน (29%ของผู้ป่วยทั้งหมด) ส่วนใหญ่มีการแพร่โรคภายในครัวเรือน และสถานที่ทำงาน
โดยแบ่งเป็นครอบครัว มีจำนวน 81 คน หรือ 56% จำแนกเป็นคู่สามีภรรยา บิดามารดา ญาติอื่นๆ/ผู้อาศัยร่วมบ้าน และบุตร ส่วนสถานที่ทำงานมีจำนวน 33 คน หรือ 23% มาจากเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา/นายจ้าง ผู้มารับบริการ/ติดต่อประสานงาน นอกนั้นเป็นกิจกรรมรวมกลุ่ม 26 คน อื่นๆ 4 คน
นพ.ทวีศิลป์ ชี้ให้เห็นจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในช่วง 3 เดือน 63 (ม.ค.-มี.ค.)กลับลดลง จากที่คาดไว้ เนื่องจากประชาชนมีการสวมหน้ากากอนามัยมากขึ้น ที่นอกจากจะป้องกันไวรัสโควิด-19 ยังทำให้สามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย
ส่วนมาตรการเคอร์ฟิว มีผู้กระทำผิดการออกนอกสถานที่ล่าสุด (11 เม.ย.) จำนวน 1,065 คน ลดลงจากวันก่อนหน้า 87 คน ส่วนกระทำผิดชุมนุมมั่วสุม เพิ่มขึ้น 14 คนมาเป็น 109 คน
สำหรับคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรัฐบาลอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ต่อเป็นกรณีพิเศษ ได้แก่ คนต่างด้าวมีถิ่นที่อยู่และแจ้งออกนอกราชอาณาจักร ให้ขยายระยะเวลาเดินทางกลับ ให้เกินกว่า 1 ปี เมื่อสถานการณ์คลี่คลายให้เดินทางกลับราชอาณาจักรโดยเร็วตามระยะเวลาที่ สตม.กำหนด
คนต่างด้าวอนุญาตให้อยู่ชั่วคราว โดยขยายระยเวลาการให้อยู่ต่อ และการแจ้ง 90 วัน เมื่อสถานการณ์คลี่คลายให้เดินทางกลับราชอาณาจักรโดยเร็วตามระยะเวลาที่ สตม.กำหนด
และ คนต่างด้าวที่ใช้บัตรผ่านแดน (Border Pass) ขยายระยะเวลาให้อยู่ต่อ ตามระยะเวลาการปิดด่านชายแดน เมื่อมีการเปิดด่านชายแดนให้เดินทางกลับออกไปภายใน 7 วัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 63)