นายพิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการเก็บข้อมูลของ LINE ประเทศไทยในช่วงเดือน มี.ค.ซึ่งเป็นเดือนที่มีการเริ่มนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distance) พบว่า LINE กลายเป็นเครื่องการสื่อสารสำหรับคนไทย กับครอบครัว หรือเพื่อนฝูงมากขึ้นในทันที ทำให้มียอดการใช้ LINE Call ทั้งบนมือถือและบนคอมพิวเตอร์รวมกันสูงขึ้น 10%
และจากการมีมาตราการลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดของหลายหน่วยงานที่ประกาศนโยบายให้พนักงาน Work From Home ทำให้การใช้งาน LINE Call บนเครื่องคอมพิวเตอร์สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 264%ในขณะที่การโทรวิดีโอคอลผ่าน LINE Video call บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการใช้งานที่สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 270% และ Voice Call ที่สูงขึ้นกว่า 236%
อย่างไรก็ตาม นอกจากการใช้งานบนไลน์แชทแอพ LINE ยังมีตัวเลขการใช้งานบริการด้านอื่นๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความครบถ้วนในการตอบโจทย์ชีวิตอีกด้วย
LINE TODAY ได้สร้างแท็ปคอนเทนท์สำหรับรวบรวมข่าวสารและเรื่องควรรู้เกี่ยวกับโควิด-19 ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในภาวะที่คนต้องการทันเหตุการณ์ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนเข้ามาค้นหาและอ่านคอนเทนท์ โดยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เกิดการเติบโตในภาพรวมของแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะช่วงเวลาสุดสัปดาห์ที่เพิ่มสูงถึง 35% ซึ่งต่างจากปกติที่คนมักจะเข้ามาอ่านช่วงเวลาระหว่างสัปดาห์มากกว่า
นอกจากนี้ยังพบว่าคนใช้เวลาอ่านคอนเทนท์บน LINE TODAY นานขึ้น 12.5% ขณะเดียวกันคอนเท้นท์เพื่อการผ่อนคลายไม่ว่าจะเป็นบันเทิงและไลฟ์สไตล์ก็สูงขึ้นเช่นกันโดยเฉลี่ย 15.5% และภายใต้สถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ก็ได้กระตุ้นให้คนอยากแชร์คอนเทนท์บอกต่อผ่านแชท LINE สูงขึ้นถึง 139% อีกด้วย
LINE TV เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่คนเริ่มทำงานที่บ้านกันมากขึ้น LINE TV ก็สามารถตรึงคนดูให้อยู่กับหน้าจอได้ โดยเฉพาะช่วงวันเสาร์ที่ยอดการดูเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเวลาปกติถึง 45% และยังทำให้คนนอนดึกขึ้นอีก 1 ชั่วโมง จากเดิมช่วงเวลา 4-5 ทุ่ม เพิ่มเป็นถึงเที่ยงคืน จากการดูซีรีส์ ซิทคอมที่ชื่นชอบ นำเทรนด์ฮิตโดย ‘เพราะเราคู่กัน 2Gether The Series’, เป็นต่อ2020 และ ไปให้ถึงดวงดาว
ขณะเดียวกันคอนเทนท์ประเภทแอนิเมชั่น – การ์ตูนก็ได้รับความนิยมสูงถึง 30% โดยเฉพาะช่วงคืนวันศุกร์ที่พ่อแม่ให้ลูกดูการ์ตูนผ่าน LINE TV เพิ่มขึ้นกว่า 47% และยังพบว่าคนยังเลือกดูผ่าน Big Screen สูงขึ้น ถึง 33% ชี้ให้เห็นว่าการอยู่บ้านครั้งนี้ LINE TV เป็นทางเลือกความบันเทิงที่ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายของคนไทยในช่วงนี้อย่างแท้จริง
LINE MAN มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากช่วงเวลาปกติก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยเบอร์หนึ่งให้กับทุกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นการออกฟีเจอร์ Contactless ลดการสัมผัสและ Self-Pick-up สั่งอาหารผ่านแอปฯ และรับที่หน้าร้านเองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพิ่มความมั่นใจและความสะดวกลูกค้า ขณะที่ได้เร่งขั้นตอนรับสมัครร้านค้าใหม่ด้วยแอพ Wongnai Merchant ขึ้นแพลตฟอร์มใน 1 วัน จนมีร้านใหม่เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า พร้อมเดินหน้ารับสมัครพนักงานขับเพิ่มไม่อั้น
ด้านของการจับจ่ายใช้สอยในขณะที่หลายคนต้องอยู่บ้านนั้น LINE ก็พบว่าจำนวนผู้ซื้อผ่าน LINE SHOPPING เพิ่มขึ้น 68% โดยมีจำนวนออเดอร์ของ สินค้าอุปโภคบริโภคและของใช้ในครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นจากลำดับที่ 9 ขึ้นมาเป็นลำดับที่ 2 ในอันดับ Category ขายดีบน LINE SHOPPING โดยหากดูแล้วในแต่ละการซื้อจะมียอดเฉลี่ยหนึ่งครั้งอยู่ที่ 1,500 บาท
“จากสถานการณ์การระบาดในขณะนี้เป็นไปได้ว่าทุกคนจะต้องใช้ชีวิตแบบเว้นระยะห่างไปอีกสักระยะ LINE พร้อมที่จะเดินหน้าฝ่าวิกฤตนี้ไปกับคนไทยทุกคน ภายใต้วิสัยทัศน์ Life on LINE สำหรับตลาดประเทศไทย มุ่งมั่นในการทำให้แพลตฟอร์ม LINE เป็น โครงสร้างพื้นฐานชีวิตสำหรับผู้ใช้งานทุกคน”
นายพิเชษฐ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 เม.ย. 63)
Tags: COVID-19, LINE, Social Distancing, Work From Home, พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา, เว้นระยะห่างทางสังคม, โควิด-19