ธปท.ระบุเศษฐกิจไทย ก.พ.63 หดตัวเกือบทุกส่วนรับผลกระทบโควิด-19

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.พ.63 หดตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวสูง

นอกจากนี้การส่งออกและการนำเข้าสินค้าได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากมาตรการปิดเมืองของจีน ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวต่อเนื่อง มีเพียงการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวได้จากการเร่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น ทั้งนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หดตัวทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคอกชนหดตัวสอดคล้องกัน

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงจากเดือนก่อน จากอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้นจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลงมา แม้รายรับจากภาคการท่องเที่ยวจะลดลง ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกสุทธิ

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวสูงที่ 42.8% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกสัญชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่หดตัวรุนแรง เนื่องจากทางการจีนประกาศใช้มาตรการปิดเมืองในหลายพื้นที่ และห้ามธุรกิจท่องเที่ยวแบบกลุ่มทัวร์เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 ที่ขยายวงกว้างขึ้นในประเทศจีน อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียยังขยายตัวดี เนื่องจากสถานการณ์การระบาดในประเทศยังไม่รุนแรงในเดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจึงเดินทางท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงมากส่งผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร และธุรกิจขนส่ง

มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัว 3.6% จากระยะเดียวกันปีก่อน หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวต่อเนื่องที่ 1.3% เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศยังคงชะลอตัว นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 และมาตรการปิดเมืองของจีน ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนลดลงมาก ทั้งการบริโภคในประเทศ การผลิต และการขนส่งสินค้า ทำให้การส่งออกสินค้าของไทยไปจีนหดตัวสูงโดยเฉพาะสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผลไม้ และปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปฮ่องกงที่คำสั่งซื้อลดลงมาก อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ขยายตัวได้ เนื่องจากได้รับผลดีจากการย้ายฐานการผลิตมาไทยในช่วงก่อนหน้า

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน จากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 สำหรับรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านพลังงานเป็นหลัก

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนที่มีการเร่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายในหมวดอื่นๆ หดตัว โดยเฉพาะการใช้จ่ายในหมวดบริการ ทั้งหมวดโรงแรมและภัตตาคาร และหมวดขนส่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน นอกจากนี้ การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนหดตัวสูงขึ้นตามยอดขายรถยนต์ทุกประเภท สอดคล้องกับปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อ่อนแอลง ทั้งในมิติด้านรายได้ การจ้างงาน และความเชื่อมั่น ขณะที่ภาระหนี้ยังอยู่ในระดับสูง

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการนำเข้าสินค้าทุนจากจีนเป็นสำคัญ สำหรับเครื่องชี้การลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์และหมวดก่อสร้างตัวอื่นๆ หดตัวในทุกองค์ประกอบ สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอ รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่แย่ลงจากการระบาดของโควิด-19

มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัว 7.8% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า ทั้งการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง สินค้าทุน และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองของจีนเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดี ยังไม่เห็นผลกระทบชัดเจนจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตของจีนต่อการผลิตของไทย ส่วนหนึ่งเนื่องจากธุรกิจยังมีสินค้าคงคลังที่เป็นวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพียงพอสำหรับการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.74% ลดลงจากเดือนก่อน จากอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้นจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลงมาก แม้รายรับภาคการท่องเที่ยวลดลง ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ ทั้งจากด้านสินทรัพย์ตามการออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) และสถาบันรับฝากเงิน (ODCs) เป็นสำคัญ และด้านหนี้สินตามการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของสถาบันรับฝากเงินเพื่อปรับฐานะเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งการขายสุทธิหลักทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างประเทศ สอดคล้องกับทิศทางการลงทุนในภูมิภาค

นายดอน ยังกล่าวด้วยว่า จากที่ ธปท.ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ว่าจะหดตัว -5.3% นั้น คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบทุกไตรมาส และจะหดตัวมากสุดในไตรมาส 2 จากนั้นการหดตัวจะเริ่มน้อยลงในไตรมาส 3 และ 4 ตามลำดับ โดยปัจจัยหลักมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่คาดว่าจะหายไปมากที่สุดในช่วงไตรมาส 2 จากผลของมาตรการที่เข้มข้นในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้

“สมมติฐานของเราคือสถานการณ์สามารถควบคุมได้ในไตรมาส 2 ดังนั้นไตรมาส 3-4 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว แต่จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะแม้สถานการณ์ในประเทศจะคุมได้แล้ว แต่ภายนอกยังน่าเป็นห่วง อาจกระทบการเดินทางระหว่างประเทศในปีนี้ แต่ปีหน้าเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเป็นบวกจากปีนี้ ปีหน้าเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ”

นายดอนระบุ

สำหรับมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐที่จะให้แรงงานนอกระบบเดือนละ 5,000 บาท ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 รวมถึงมาตรการของ ธปท.ในการขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์พักชำระหนี้จะช่วยชดเชยกับต่อการย่อตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้หรือไม่นั้น นายดอน ระบุว่า การประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ติดลบ 5.3% ได้รวมปัจจัยเรื่องมาตรการช่วยเหลือ 5,000 บาทไว้แล้ว แต่ยังไม่รวมมาตรการพักชำระหนี้ของธนาคารพาณิชย์ที่ให้แก่ประชาชน ซึ่งทั้ง 2 มาตรการนี้อาจจะชดเชยการย่อตัวของ GDP ปีนี้ได้ไม่มากนัก แต่ต้องรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 3 ที่รัฐบาลกำลังเตรียมจะนำออกมาก่อน ซึ่งเชื่อว่ามาตรการชุดใหม่นี้จะมีผลต่อเศรษฐกิจได้ค่อนข้างมาก

“แม้จะรวม 2 มาตรการนี้ ก็คิดว่าช่วยชดเชยการย่อตัวของ GDP ได้ไม่มากนัก จึงเป็นเหตุให้รองนายกฯ สมคิด หารือกับหน่วยงานต่างๆ ในการเตรียมออกมาตรการเฟส 3 ที่คาดว่าจะใหญ่กว่า 2 เฟสแรก ซึ่งมาตรการ 2 เฟสแรกรวมกันอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท ถ้าออกมาแล้วใหญ่กว่าหรือเท่ากัน ก็จะคิดเป็น 2-3% ของ GDP แต่คงต้องตามดูว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง ถ้าออกมาจริง ก็จะช่วยในเรื่องการย่อตัวของ GDP ได้เยอะทีเดียว” นายดอนกล่าว

พร้อมระบุว่า แม้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะมีแนวโน้มย่อตัวลงค่อนข้างมาก แต่ไม่กังวลว่าจะมีเงินทุนต่างชาติไหลออก เพราะสถานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยยังมีความแข็งแกร่ง เงินบาทที่อ่อนค่า ก็จะมีผลต่อดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตรที่เมื่อแปลงเป็นเงินบาทแล้วจะทำให้มีรายได้เข้ามามากขึ้น

ส่วนเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน และความสามารถในการรองรับหนี้เสียที่อาจจะเพิ่มขึ้นนั้น มองว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน ประเทศไทยยังโชคดีกว่าวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 เพราะในภาพรวมขณะนี้สถาบันการเงินไทยมีเงินทุนสำรอง และเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง จึงเชื่อว่ามีศักยภาพเพียงพอต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียได้ ซึ่งจะแตกต่างจากสถานการณ์ในปี 2540

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 มี.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top