ดัชนีกลุ่มการแพทย์ร่วง 2% มาอยู่ที่ 5,367.37 จุด ลดลง 109.55 จุด เมื่อเวลา 10.17 น. นำโดยหุ้น BCH ร่วง 6.67% มาอยู่ที่ 15.40 บาท ลดลง 1.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 202.37 ล้านบาท
- หุ้น BH ลบ 2.83% มาอยู่ที่ 137.50 บาท ลดลง 4.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 63.57 ล้านบาท
- หุ้น CHG ลบ 3.94% มาอยู่ที่ 2.44 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 74.98 ล้านบาท
- หุ้น BDMS ลบ 1.78% มาอยู่ที่ 24.80 บาท ลดลง 0.45 บาท มูลค่าซื้อขาย 565.68 ล้านบาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ปัจจัยเชิงลบต่อกลุ่มโรงพยาบาล โดยมองว่ามาจากสถานการณ์ตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่ม Medical tourism ของชาวตะวันออกกลาง ซึ่งกลุ่มโรงพยาบาลที่มีผลกระทบมากสุดจะเป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศสูง ได้แก่ BH สัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติ 66% มาจากกลุ่มตะวันออกกลาง 23% ต่อรายได้รวม และ BDMS สัดส่วน รายได้จากลูกค้าต่างชาติ 31% จากตะวันออกกลาง 5%
ทั้งนี้ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) มีโอกาสถูกกดดันจากความไม่สงบในตะวันออกกลางหลังสหรัฐฯเข้าโจมตีผู้นำกองทัพอิหร่าน เนื่องจาก BH มีฐานลูกค้าตะวันออกกลางสูงถึง 23% ของรายได้รวม
ด้าน NVDR พลิกมาขายสุทธิ -83 ล้านบาทในเดือน ธ.ค. 62 จากเดือน พ.ย.62 ที่ซื้อสุทธิ +328 ล้านบาท
ภาพทางเทคนิคเกิดสัญญาณเชิงลบ หลังจาก RSI และ MACD พลิกลงมาต่ำกว่า Signal Line โดยถ้าหากหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแถว 140 บาท จะเกิดสัญญาณลบชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมแนะ “ขายทำกำไร” แถว 137.00-137.50 บาท และมี Stop loss ที่ 144.00 บาท
อย่างไรก็ดี บล.หยวนต้า มองว่า กรณีที่จีนพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส 44 รายจากเมืองอู่ฮั่น แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เบื้องต้นพบว่าไม่ใช่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก หรือไวรัส ล่าสุดเช้านี้ BBC ลงข่าวจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 59 ราย เป็นบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากปกติสถานการณ์โรคระบาดส่งผลให้มีคนไข้เข้ามารักษาตัวมากขึ้น แต่หากกรณีเป็นโรคติดต่อร้ายแรง อาจเป็น sentiment เชิงลบในระยะสั้นต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง
จากข้อมูลในอดีตในช่วงที่โรค SARS และ MERS ระบาดในปี 46 (มี.ค-พ.ค) และปี 58 (มิ.ย –ธ.ค) ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจะปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์แรกของการระบาด แต่โดยรวมของช่วงที่มีการระบาดชองโรคจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% และ 12.6% ตามลำดับ
ทั้งนี้ แนะนำลงทุนในโรงพยาบาลที่กลุ่มลูกค้าหลักเป็น Domestic ซึ่งจะมีผลกระทบจากปัจจัยภายนอกน้อยกว่า แนะนำ “ซื้อ” BCH (เป้า 21.80 บาท) และ VIBHA (เป้า 2.25 บาท) ซึ่งผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องในปี 63 และยังมีประเด็นบวกจากการรอปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคมที่คาดว่าจะประกาศในเดือน ม.ค.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ม.ค. 63)